น้ำสีอำพันที่เราเรียกว่า ‘วิสกี้’ (Whisky) แท้จริงแล้วคืออะไร
อะไรคือสิ่งที่เรียกว่า ซิงเกิล มอลต์ ที่ชายใส่สูทเขาโหยหามาประดับมือกันนัก เราพาไปหาคำตอบแบบวันสต๊อปที่ Single Malt Masterclass
บรรยากาศภายในงานเวิร์กช็อป Single Malt Masterclass
Single Malt Masterclass
บทเรียนครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อความอยากรู้อยากเห็นของเหล่านักดื่มทั้งหลายให้เข้าใจถึงประวัติความเป็นมาของวิสกี้ โดยเฉพาะ ‘ซิงเกิลมอลต์’ เครื่องดื่มสุดเท่ที่ใครหลายคนยังมองว่าลึกล้ำ เข้าถึงยากยิ่งนัก ทั้งมีประวัติยาวนาน แต่น้อยคนที่จะเข้าถึง รวมถึงกรรมวิธีการดื่มอันเป็นสากล โดยปฏิบัติการครั้งนี้จัดขึ้นในบรรยากาศขรึม เท่ แต่เป็นกันเองอย่างห้อง Character โรงแรม Compass สุขุมวิท 26 หากคุณพร้อมแล้ว เราไปเริ่มกันเลย
กูรูเรื่องวิสกี้จาก Diageo เล่าถึงความเป็นมาของวิสกี้
กลิ่นหอมประเภทต่างๆ ที่ได้จาก Single Malt Whisky
เราประเดิมกันด้วยคำว่า ‘วิสกี้’ ซึ่งกูรูเรื่องวิสกี้จาก Diageo ได้เล่าถึงการใช้ที่แตกต่างของคำว่า ‘Whisky’ และ ‘Whiskey’ ซึ่งขึ้นอยู่กับอิทธิพลของฝั่งที่ผลิตวิสกี้อย่างสกอตแลนด์และไอร์แลนด์ ที่ทำให้ต่างกันเพื่อให้คนจดจำได้ และประเทศที่รับอิทธิพลต่อก็สืบทอดต่อๆ ไปนั่นเอง งานนี้เรายังได้รู้ถึงรากเหง้าไปอีกกับคำว่า ‘อูสกิบา’ ซึ่งป็นภาษาสกอตแลนด์ดั้งเดิม แปลว่า ‘Water of life’ ที่บอกถึงการกำเนิดของเหล้าที่มักเกี่ยวโยงกับการช่วยรักษาโรคต่างๆ ทั้งยังเก็บได้นาน เพราะใส่ในถังไม้แล้วไม่เสีย แถมกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว วิสกี้ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนทางการค้าจนรัฐบาลสมัยนั้นต้องลงมือเก็บภาษีอีกด้วย
บรรยากาศและผู้ร่วมเวิร์กช็อปในงาน Single Malt Masterclass
รสชาติและกลิ่นของเหล้าซิงเกิลมอลต์จะมีเอกลักษณ์แตกต่างจากวิสกี้อื่นๆ
ผู้เชี่ยวชาญยังเล่าไปถึงกระบวนการผลิตวิสกี้
ชนิดของข้าวหรือธัญพืชที่ใช้ในวิสกี้แต่ละชนิด ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกชนิดของวิสกี้ที่เราเห็นๆ บนฉลากนั่นเอง เช่น Single Grain, Blended, Blended Malt Whisky, Blended Grain Whisky ที่ก็ให้รสชาติและสุนทรียรสที่ต่างกันไป ช่วยให้เรารู้จักและจำแนกแบรนด์วิสกี้ที่คุ้นชื่ออยู่แล้วในตลาดมากขึ้นอีก
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เหล้าซิงเกิลมอลต์ (Single Malt Whisky) น่าค้นหาแตกต่างจากวิสกี้ประเภทอื่นๆ คือความชัดเจนของรสชาติที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากโรงกลั่นที่ต่าง สถานที่ต่าง ที่ทำให้รสชาติน่าค้นหาและมีเอกลักษณ์ต่างกันอย่างชัดเจน
ผู้ร่วมเวิร์กช็อปในงานได้ทดลองกลิ่นของ Single Malt Whisky
รสชาติที่แตกต่างของเหล้าซิงเกิลมอลต์
มาสเตอร์คลาสนี้ยังสอนถึงความแตกต่างอันน่าทึ่งของรสชาติและกลิ่นหอมของเหล้าซิงเกิลมอลต์ที่เกิดขึ้นจากสถานที่บ่มที่ต่างออกไปในสกอตแลนด์ เช่น
Speyside
เขตเล็กๆ ที่ทำวิสกี้จำนวนมหาศาล และเป็นส่วนสำคัญในแวดวงผลิตวิสกี้ ซึ่งวิสกี้จากเขตนี้จะให้รสและกลิ่นผลไม้และไม้ คุณอาจรู้รสของผลพลัมหน่อยๆ ไปจนถึงเผ็ดร้อนและหอมควันจางๆ
Highlands
ขึ้นเหนือขึ้นมาหน่อย วิสกี้จะมีกลิ่นหอมของดอกไม้และมวลไม้ ทั้งยังนุ่มละมุน
Lowlands
วิสกี้ที่มาจากเขตนี้ให้ความรู้สึกสดชื่น มีความเป็นผลส้มและมะนาวอยู่หน่อยๆ แต่ดื่มง่ายและเป็นเอกลักษณ์
Isle of Skye
วิสกี้ที่ขึ้นชื่อและเป็นเอกลักษณ์มากๆ ทั้งยังขึ้นชื่อว่า ‘ทำจากทะเล’ สิ่งที่คุณได้คือกลิ่นควันอบอวลในปาก รสชาติบางเบา ไม่หวาน และมีกลิ่นของทะเลจางๆ เป็นเอกลักษณ์ที่ใครได้จิบแล้วจดจำได้ทันทีแน่นอน
ภายในงานผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้วิธีการดมและจิบเหล้าซิงเกิลมอลต์อย่างถูกต้อง
บรรยากาศวิธีการจิบเหล้าซิงเกิลมอลต์
เอาล่ะ เราเรียนรู้ทฤษฎีกันมากพอแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาทดลองดมและจิบกันดูบ้าง! งานนี้เราได้รู้วิธีการดมอย่างถูกต้องแบบที่ไม่เคยรู้มาก่อน ที่ช่วยให้รับรู้กลิ่นได้เหมาะสมที่สุดผ่านการเอียงแก้วและดมด้วยจมูกข้างเดียว จากนั้นจึงทำการจิบเพื่อรับรู้รสชาติจนถึงอาฟเตอร์เทสต์ของเหล้าซิงเกิลมอลต์ที่หลงเหลือในปาก และยิ่งจิบน้ำตาม รสชาติก็ยิ่งเปลี่ยนแบบที่พกกลับไปทดลองที่บ้านได้ด้วย
นอกจากนั้นมาสเตอร์คลาสนี้ยังเปิดให้ทดลองแพริ่งกับอาหารที่ช่วยเสริมรสกันและกัน ทั้งบางจานยังเปลี่ยนรสและกลิ่นเมื่อได้จิบเหล้าซิงเกิลมอลต์คู่ไปด้วยอีกต่างหาก ถือเป็นการเสริมรสสนุกให้การรับประทานอาหารไปอีกแบบ
กูรูเรื่องวิสกี้จาก Diageo บรรยายถึงวิธีการดื่มเหล้า Single Malt
เมนูอาหารที่เหมาะกับการรับประทานคู่กับเหล้าซิงเกิ้ลมอลต์
และคลาสนี้ยังไม่จบแค่นี้ เพราะกูรูวิสกี้ผู้กระตือรือร้นอยากแบ่งปันความรู้สุดๆ ยังสอนให้เราดูตัวเลขที่แปะอยู่บนขวดเหล้าซิงเกิลมอลต์ให้เห็นว่าหมายถึงอะไร ทำให้เข้าใจสิ่งที่อยู่บนชั้นในบาร์กันเก่งขึ้นอีก และแต่ละปีก็ให้รสชาติซับซ้อนที่ต่างกันเช่นกันอย่าง Singleton Dufftown 12 ปี ที่ให้รสหวานและมีกลิ่นเครื่องเทศ, Singleton Dufftown 15 ปี ที่มีความดราย (Dry) กว่า เรียกน้ำลายสอได้ดี แต่หวานน้อยกว่า ไปจนถึง Singleton Dufftown 18 ปี ที่ทั้งหอมหวานมัดใจ มีรสซับซ้อนน่าค้นหาสำหรับนักดื่มสุดๆ
ปิดท้ายก่อนอมยิ้มกลับบ้านด้วยวิธีการดื่มที่เหมาะกับคุณ ซึ่งท้ายสุดการดื่มเหล้าซิงเกิลมอลต์จะสนุกขึ้นอีก ถ้าคุณได้ลองการดื่มในแบบต่างๆ หาคำตอบของรสสีอำพันนี้
บรรยากาศผู้เข้าร่วมเวิร์กช็อปในงาน Single Malt Masterclass
ผู้เข้าร่วมเวิร์กช็อปทดลองวิธีดมและจิบเหล้าซิงเกิ้ลมอลต์
งานนี้งานเดียว เราได้ลองจิบซิงเกิลมอลต์วิสกี้หลายตัวมากทั้ง The Singleton, Dalwhinnie, Talisker, Glenkinchie, Cragganmore, Lagavulin และ Oban ได้พกประสบการณ์ดีๆ กลับบ้าน รวมถึงเรียนรู้วิธีการดื่มอย่างรับผิดชอบภายใต้แนวคิด Drink Better, Not More อีกด้วย
เหล้าซิงเกิ้ลมอลต์ จาก Singleton of Dufftown 12 Years
สรุปว่าวันนี้เราผ่านปฏิบัติการสุดเข้มข้น ‘Single Malt Masterclass’ ได้พกคลังความรู้เกี่ยวกับซิงเกิลมอลต์วิสกี้กลับบ้านไปเพียบ ทั้งประวัติความเป็นมา การทดสอบกลิ่นและรสชาติจากภูมิภาคต่างๆ ในสกอตแลนด์แบบไม่ต้องไปเยือนสกอตแลนด์ถึงที่เลยทีเดียว ทีนี้คุณอาจได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านซิงเกิลมอลต์คนใหม่กับเขาบ้างก็เป็นได้
ใครที่สนใจอยากไปฝึกเป็นกูรูด้านซิงเกิลมอลต์กับเราบ้าง งานเวิร์กช็อป Single Malt Masterclass แสนสนุกนี้จะจัดต่อเนื่องกัน 12 ครั้งตลอดทั้งปี โดยครั้งต่อไปจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2562 โดยรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพียงครั้งละ 20 คนเท่านั้น สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง THE STANDARD
แล้วคุณล่ะ อยากมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านซิงเกิลมอลต์กับเราบ้างไหม?
#TheSingleton #SingleMalt #SingleMaltMasterclass