ทางการสิงคโปร์ลงโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอชายวัย 37 ปี ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองสิงคโปร์เชื้อสายมาเลย์วัย ในความผิดฐานลักลอบขนกัญชาประมาณ 1.5 กิโลกรัมเข้าประเทศในปี 2019 โดยถือเป็นการประหารชีวิตผู้ต้องหาคดีลักลอบขนกัญชาเข้าประเทศรายที่ 2 ในรอบ 3 สัปดาห์
การประหารชีวิตมีขึ้นที่เรือนจำชางงีทางตะวันออกของสิงคโปร์เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (17 พฤษภาคม) หลังจากที่ชายดังกล่าวพยายามขอให้มีการเปิดพิจารณาคดีอีกครั้ง โดยอ้างว่าหลักฐานจากดีเอ็นเอและรอยนิ้วมือที่ใช้พิจารณาว่าเขากระทำผิดนั้นน้อยเกินไป แต่ถูกศาลอุทธรณ์ปฏิเสธโดยไม่มีการพิจารณา
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา สิงคโปร์ได้แขวนคอชายสิงคโปร์เชื้อสายทมิฬ วัย 46 ปี ในความผิดฐานลักลอบขนกัญชาน้ำหนักมากกว่า 1 กิโลกรัมเข้าประเทศ แม้ว่าจะมีการร้องขอความเมตตาจากครอบครัวและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งพยายามโต้แย้งว่าผู้ต้องหาไม่ได้รับการปรึกษาทางกฎหมายอย่างเหมาะสม และยังถูกปฏิเสธไม่ให้ใช้ล่ามภาษาทมิฬระหว่างที่ตำรวจสอบสวนเขา แต่ก็ไม่เป็นผล
โดยการประหารชีวิตที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติที่มองว่าเป็นการลงโทษที่ไม่ยุติธรรม และเป็นการละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากล
ขณะที่การตัดสินโทษประหารชีวิตดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายของสิงคโปร์ ที่กำหนดให้การลักลอบนำเข้ากัญชามากกว่า 500 กรัม อาจได้รับโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
อ้างอิง: