×

‘Homepop’ อัลบั้มที่ ซิน-ทศพร อาชวานันทกุล กลั่นออกมาจากความอิสระข้างในจิตใจ

13.12.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins read
  • Homepop คืออัลบั้มที่ 2 ในฐานะศิลปินเดี่ยวของ ซิน-ทศพร อาชวานันทกุล อดีตสมาชิกวง Singular
  • ในอัลบั้มแรก เขาเลือกที่จะทำงานตามระบบ และเลือกนำเสนอเพลงที่เป็นตัวตนของเขามากที่สุด แต่อัลบั้มนี้ซินเลือกที่จะทดลองสิ่งใหม่ๆ ทำงานที่ไม่อยู่ในกรอบ และนำเสนอความอิสระผ่านบทเพลงให้ได้มากที่สุด
  • Game Over คือเพลงที่ทำให้ซินได้ร่วมงานกับราเชล ยามากาตะ ศิลปินที่เขาชื่นชอบและติดตามผลงานมาเป็นเวลา 10 ปี
  • ยังไม่พร้อม คือเพลงที่ซินร้องเพลงที่คนอื่นแต่งให้เป็นครั้งแรก (ยกเว้นเพลงประกอบละคร)

หลังแยกทางจากวง Singular จนถึงวันนี้ ซิน-ทศพร อาชวานันทกุล นักร้องหน้าหวานเสียงสวยได้ออกเดินทางสร้างผลงานในฐานะศิลปินเดี่ยวมาแล้ว 4 ปีเต็มๆ

           
ในปี 2558 ซินเลือกนำเสนอตัวตนที่แท้จริงของเขาผ่านอัลบั้มแรก Melancholy เพื่อลบภาพบางอย่างที่หลายคนอาจเข้าใจผิดในตัวเขา และ 2 ปีต่อมา เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการสร้างสรรค์อัลบั้มชุดที่ 2 ที่เขามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน โดยเลือกผสมผสานระหว่างตัวตน เพลงป๊อป และความอิสระเข้าด้วยกันจนกลายเป็นอัลบั้ม Homepop ขึ้นมา

           
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร เสียงร้องของเขายังคงนุ่ม ฟังสบาย และมีเสน่ห์เหมือนที่เราเคยได้ยิน โดยมีสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือความสนุก ความกล้าที่จะทดลองทำสิ่งใหม่ๆ กระโดดออกจากกรอบที่ตัวเองคุ้นเคย และเราเชื่อว่าจุดนี้จะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ซินสร้างสรรค์ผลงานเพลงเพราะๆ ออกมาให้พวกเราได้ยินกันอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าวันนี้เขาจะต้องยืนอยู่คนเดียวโดยไม่มีคนเคียงข้างก็ตาม

 

 

Homepop อัลบั้มเพลงป๊อปสามัญประจำบ้าน

เป็นคำที่ผมคิดขึ้นมาเอง เริ่มต้นจากอยากได้คำที่สื่อว่าเราทำงานเพลงด้วยตัวเอง อยากให้มีความแฮนด์เมด โฮมเมดอยู่ในตัว แล้วเพลงชุดนี้มีคอนเซปต์เป็นเพลงป๊อปเป็นหลัก เลยก็เอาคำว่า ‘โฮม’ กับ ‘ป๊อป’ มารวมกัน เป็นคำที่ฟังแล้วรู้สึกสบายๆ เป็นเหมือนเพลงป๊อปสามัญประจำบ้านที่เราเอาไว้เปิดฟังตอนไหนก็ได้

 

เมื่อแรงบันดาลใจยังไม่หมดก็เริ่มต้นเดินทางต่อทันที

พอทำอัลบั้มแรกเสร็จ จบจากคอนเสิร์ต SIN ‘A SONG PAINTER’ LIVE SHOWCASE ก็เริ่มทำอัลบั้มที่ 2 ต่อเลย ไม่อยากให้ทิ้งช่วงนาน เพราะรู้สึกว่ายังมีอะไรที่อยากทำอยู่อย่างต่อเนื่อง ตอนทำอัลบั้มแรกผมใช้เวลาประมาณ 2 ปี ระหว่างนั้นเราได้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวแรงบันดาลใจมาตลอด เลยคิดว่ารีบทำผลงานออกมาให้เร็วที่สุดดีกว่า แต่หลังจากนี้คงต้องหยุดนิดนึงก่อนค่อยทำอัลบั้มที่ 3 เพราะเริ่มทำติดกันมาประมาณ 4 ปีแล้ว

 

 

ส่วนผสมระหว่าง ‘ป๊อป’ และ ‘ความอิสระ’

เพลงในอัลบั้มที่แล้ว ส่วนใหญ่จะพูดถึงสิ่งที่เป็นตัวตนกับสิ่งที่ผมชอบมากๆ เพราะคิดว่าเป็นการแนะนำตัวให้คนรู้จักผมชัดๆ ในฐานะศิลปินเดี่ยว หรือบางคนอาจจะเคยฟังเพลงแล้วคิดว่าผมต้องเป็นคนสบายๆ ยิ้มๆ แต่จริงๆ ยังมีความรู้สึกลึกๆ ที่เศร้าบ้าง เจ็บปวดบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เพราะนั่นคือสิ่งที่ผมอยากสื่อสารออกมาให้คนได้รู้จริงๆ

           
พอภาพนั้นชัดแล้ว ทุกคนรู้จักตัวตนของผมแล้ว เพลงในอัลบั้มนี้ผมเลยอยากนำเสนออีกตัวตนหนึ่ง นั่นคือความอิสระที่ไม่มีกรอบอะไรเลย แค่อยากทำเพลงที่รู้สึกว่าชอบออกมาให้คนฟัง เพราะฉะนั้นเพลงที่ทุกคนได้ฟังจะหลากหลายมาก นอกจากความป๊อปที่เป็นแกนกลางแล้ว จุดร่วมหลักๆ ที่เหลือจะเป็นไอเดียแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น ผมมองว่าทุกเพลงในอัลบั้มคือสีสัน หนึ่งเพลงคือหนึ่งสีที่ไม่เหมือนกัน จะเป็นสีแบบไหนก็ได้ ขอให้มันออกมาสวยงามก็พอ

           
สุดท้ายเลยกลายเป็นการทำงานแบบใหม่ที่ผมไม่เคยทำมาก่อน ที่ผ่านมาเวลาจะทำเพลง รายละเอียดทุกอย่างจะต้องถูกต้องทั้งหมดแบบ 1-100 ซึ่งทำให้แอบมีความเครียดเล็กๆ แต่คราวนี้ผมตั้งใจเลยว่าให้ทุกอย่างฟรี มีความสดมากขึ้น หลายเพลงไม่ได้เกิดจากการวางแผน แต่เกิดขึ้นมาสดๆ ระหว่างการทำงาน อย่างเพลง แล้วแต่ ที่เป็นแนวดีปเฮาส์แบบที่ผมไม่เคยทำมาก่อน แต่พอคุยกับทีมงานแล้วรู้สึกว่าเรายังขาดเพลงแบบนี้ ก็เลยลองทำกันดู แล้วก็กลายเป็นการทำงานอีกแบบหนึ่งที่สนุกและน่าสนใจขึ้นมา

 

 

ความรู้สึก ‘ใช่’ ที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

นิสัยนี้เป็นมานานแล้ว เพราะผมเป็นคนแต่งเพลงเองหมดทั้งเนื้อร้องและทำนอง เพราะฉะนั้นจะรู้สึกว่าคนที่รู้จักเพลงนั้นๆ ได้ดีที่สุดก็คือตัวผมเอง โชคดีที่ผมคุยกับทางค่าย Bec-Tero Music แล้วเขาไว้ใจให้ผมเป็นคนเคาะเพลงได้เอง ซึ่งที่บอกว่าโชคดี เพราะเวลาผมจะเคาะว่าเพลงไหนผ่านหรือไม่ผ่าน มันจะเป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆ ว่าต้องทำมาตรงนี้แล้วถึงจะใช่ หรือถ้าจุดไหนยังไม่ใช่ บางครั้งเราก็อธิบายเหตุผลได้ไม่ชัดว่ามันควรจะปรับแก้ตรงไหน จนถึงตอนนี้ผมก็ยังอธิบายไม่ได้ว่าเกณฑ์ในการตัดสินใจของผมคืออะไร แล้วทั้งเวลา ประสบการณ์ การเติบโตต่างๆ ก็มีผลที่ทำให้รู้สึกใช่นั้นเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา

 

 

Game Over โอกาสครั้งสำคัญที่ได้ร่วมงานกับศิลปินที่รัก

เพลงนี้ใช้เวลานานที่สุดในอัลบั้ม ผมติดต่อราเชล ยามากาตะ (ศิลปินและนักแต่งเพลงเชื้อสายอเมริกัน-ญี่ปุ่น) ไว้ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว ตอนที่เขามาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทย เป็นเพลงที่ผมภูมิใจมาก ปรับแก้กันไปมาประมาณ 7 เวอร์ชัน เพราะตอนที่ทำเราไม่ได้วางแผนเอาไว้ว่าจะต้องเสร็จเมื่อไร แต่อยากให้มันออกมาเป็นเพลงที่พวกเราสองคนโอเคมากที่สุด ช่วยกันหาจุดตรงกลางจนกลายเป็นเวอร์ชันที่ไม่ใช่ทั้งแนวถนัดของเขา และไม่ใช่แนวที่เราเคยทำมาก่อน ผสมผสานกันหลายอย่างจนกลายเป็นสิ่งใหม่ของทั้งสองคน

 

เพลง Game Over

 

เขาไม่ได้รักฉันอีกแล้ว เพลงดิสโก้ฟังก์ที่ใช้ความ ‘อิสระ’ เป็นตัวนำ

เพลงนี้คือตัวอย่างชัดที่สุดของการทำงานแบบฟรีสไตล์ที่ผมบอก เพลงนี้ทุกอย่างเริ่มต้นจากศูนย์ ผมคุยกับพี่ฟั่น (โกมล บุญเพียรผล) เรื่องเนื้อเพลงกับดนตรีที่อยากได้กลิ่นอายของความเป็นยุค 80s ใช้กรู๊ฟดิสโก้แบบฟังก์ๆ แล้วเริ่มทำเพลงจากตรงนั้นเลย จากที่เมื่อก่อนผมต้องแต่งเนื้อและทำนองทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วค่อยเข้าสู่กระบวนการอัด แต่ครั้งนี้เราขึ้นเพลงกันใหม่ แล้วการทำงานทุกอย่างลื่นไหลมาก ไม่มีอะไรติดขัด มีหลายอย่างที่เกิดขึ้นแบบฉับพลันระหว่างอัดขึ้นมาเลย ถ้าเป็นปกติเราอาจจะไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผลลัพธ์ในเพลงนี้ทุกอย่างมันออกมาเซอร์ไพรส์มากๆ

 

เพลง เขาไม่ได้รักฉันอีกแล้ว

 

ยังไม่พร้อม ครั้งแรกกับการร้องเพลงที่คนอื่นแต่งให้

ถ้าไม่นับเพลงประกอบละคร ทุกเพลงที่ผมร้องคือเพลงที่ผมแต่งเองทั้งหมด แต่อย่างที่บอกว่าอัลบั้มนี้เราอยากทดลองอะไรหลายๆ อย่าง เลยอยากลองร้องเพลงที่คนอื่นแต่งให้บ้าง คุยกับพี่แอ้ม (อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์) ที่เคยแต่งเพลง แค่รู้ว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียว (เพลงประกอบละครเรื่อง วัยแสบสาแหรกขาด) มาช่วย ซึ่งผมบอกเขาไปว่าอยากเขียนอะไร รู้สึกอะไรในตอนนั้นก็ให้เขียนออกมาเลย แล้วค่อยมาคุยกันว่าดีไม่ดียังไง ต้องปรับอะไรตรงไหนบ้าง ซึ่งตามปกติผมจะเป็นคนคิดทุกอย่าง กลายเป็นว่าด้วยความที่พี่แอ้มรู้จักตัวผมดีอยู่แล้ว พอพี่เขาเขียนเนื้อร้องมา เราแค่เอามาพัฒนากันอีกนิดหน่อยก็กลายเป็นเพลงที่คนอื่นแต่งให้ แต่ผมสามารถร้องออกมาแล้วรู้สึกเหมือนว่าตัวเองแต่งขึ้นมาได้จริงๆ

FYI
  • ซินเริ่มต้นฟังจากเพลงของวง The Carpenters ตามคุณพ่อคุณแม่ และกลายเป็นเด็กที่ชอบร้องเพลง และต้องร้องเพลงตลอดเวลาที่นั่งรถไปกลับจากโรงเรียน
  • ซินเริ่มแต่งเพลงครั้งแรกในวันเกิดอายุ 14 ปี เหตุเกิดจากการที่เขานอนไม่หลับ และรู้สึกว่าอยากทำอะไรให้กับตัวเองสักอย่าง เลยลุกขึ้นมาแต่งเพลงแรกในชีวิต และเก็บเพลงนั้นไว้ในความทรงจำ ยังไม่มีใครได้ฟังแม้แต่คนเดียว
  • ซินคิดเพลงได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา แต่เวลาประหลาดๆ ที่มักจะได้ไอเดียใหม่อยู่เสมอคือช่วงเวลานั่งเหม่ออยู่บนรถแท็กซี่
  • ซินติดนิสัยชอบอ่านปกเทปหรือปกซีดีมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะเครดิตคนทำเพลงและ special thanks ของศิลปินคนนั้น
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising