×

ประยุทธ์ย้ำ! ไม่เรียกผู้ก่อเหตุยิงถล่ม ชรบ. ยะลา ว่าผู้ก่อการร้าย หวั่นคนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ

โดย THE STANDARD TEAM
08.11.2019
  • LOADING...

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และมอบนโยบายสรุปผลการปฏิบัติงานปี 2562 การแถลงแผนงานปี 2563 ของ กอ.รมน. ว่า

 

การแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นการประกาศเคอร์ฟิว แต่หากจะมี ก็จะต้องเป็นช่วงสั้นที่สุด โดยเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นในการปิดพื้นที่เพื่อจับกุมคนร้าย ส่วนกลุ่มผู้ที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มหน้าขาวหรือไม่นั้น พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า จะต้องมีหลักฐานในการดำเนินการจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่มีข้อมูลพยานหลักฐานไว้หมดแล้ว ทั้งปืน ปลอกกระสุน ก็จะนำมาพิจารณาสืบสวนสอบสวน โดยเร็วๆ นี้ เชื่อจะได้รับความคืบหน้า 

 

ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ยังไม่ขอเรียกว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย แต่ยอมรับว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุใช้กลยุทธ์ที่รุนแรง โดยใช้อาวุธสงครามเพื่อให้เกิดการกดดันต่อรัฐและการทำงานของเจ้าหน้าที่ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะพยายามแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี พร้อมบังคับใช้กฎหมาย นำการพัฒนาเข้าสู่พื้นที่ ซึ่งไม่อยากให้มีการตีความที่ผิดไป เพราะไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อคนในพื้นที่ ดังนั้น การบังคับใช้กฎหมายจึงจะต้องรัดกุม แต่คนนอกพื้นที่กลับมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่อยากไปแล้วเมื่อสิทธิใคร แต่ขอให้ย้อนกลับไปดูสิ่งที่ผู้ก่อเหตุกระทำว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ ที่เป็นการทำร้ายประชาชนทั้งไทย พุทธ มุสลิม 

 

พล.อ. ประยุทธ์ ยังเปิดเผยว่า ขณะนี้ชุดพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้พูดคุยกับกลุ่มแนวร่วมผู้เห็นต่างในพื้นที่อย่างแท้จริงที่มาเลเซีย ซึ่งก่อนไป ตนเองได้ให้แนวทางในการพูดคุย และทุกครั้งหลังการพูดคุยก็รายงานให้ตนรับทราบ ซึ่งการพูดคุยในครั้งนี้จะเป็นประเด็นเพื่อให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความปลอดภัยและมีสันติสุขอย่างยั่งยืน โดยการพูดคุยก็ต้องปรับและหาวิธีการให้เหมาะสมไปอย่างต่อเนื่องกับกลุ่มแนวร่วมหลายระดับ ทั้งกลุ่มผู้นำระดับการเมือง การทหาร คนรุ่นเก่า-ใหม่ เพื่อหาวิธีการ ลดความรุนแรง แต่ยืนยันว่า รัฐพูดคุยกับกลุ่มที่มีบทบาทแท้จริง ไม่ใช่นำกลุ่มที่ไม่มีบทบาทมาพูดคุย 

 

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากการพูดคุย ในพื้นที่ก็ต้องมีการแก้ปัญหาในเรื่องของการข้ามแดน ซึ่งพบว่า มีการปลอมปนเข้ามากับชาวบ้านธรรมดา จึงได้สั่งการให้ในพื้นที่ปฏิบัติการในเชิงรุก ระมัดระวังการใช้กฎหมาย จะต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน พร้อมยืนยันว่า กำลัง ชรบ. และ อรบ. ยังมีความจำเป็นในการดูแลพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ แต่จะต้องมีการเสริมยุทธวิธีให้เกิดความเข้มแข็ง ปรับการลาดตระเวนให้เกิดการรัดกุม ซึ่งถือเป็นการให้คนในพื้นที่ช่วยกันดูแลพื้นที่ของตนเอง

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising