×

Shawn Mendes กับคอนเสิร์ตที่ตอกย้ำศักยภาพ และการเติบโตบนเส้นทางดนตรี

02.10.2019
  • LOADING...
Shawn Mendes

การจะเป็นศิลปินระดับโลกด้วยวัยเพียง 21 ปี มีแฟนคลับตามบน Instagram เกิน 50 ล้านคน และสื่อเตรียมเขียนข่าวกอสซิปทุกประเด็น ศิลปินหลายคนอาจแบกสภาวะความกดดันแบบนี้ไม่ได้ และที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นพิษภัยของวงการบันเทิงที่บางคนกู่ไม่กลับ แต่สำหรับผู้ชายที่ชื่อ ชอว์น ปีเตอร์ ราอูล เมนเดส เขากลับไม่ได้หลงระเริงกับโลกมายา แต่หลงไปกับการอยากพัฒนาศักยภาพของตัวเองในการเป็นอีกหนึ่งศิลปินแห่งยุคที่กราฟความสำเร็จพุ่งขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้ก็สะท้อนออกมาในคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่ 2 ในประเทศไทยกับ Shawn Mendes: The Tour Live In Bangkok ที่แสดงเมื่อค่ำคืนนี้ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี พร้อมแฟนคลับนับหมื่นที่มารอชม

 

คอนเสิร์ตครั้งนี้ที่เล่นยาวเกือบสองชั่วโมง เมนเดสเน้นเพลงจากอัลบั้มล่าสุด Shawn Mendes (2018) บวกกับเพลงฮิตจากสองอัลบั้มก่อน Handwritten (2015) และ Illuminate (2016) โดยเปิดโชว์ด้วยเพลง Lost In Japan ก่อนที่จะต่อด้วยเพลงฮิต There’s Nothing Holdin’ Me Back ที่เรียกเสียงกรี๊ดได้ไม่หวาดไม่ไหว ส่วนเพลงอื่นก็มี เช่น Stitches, Mercy, Treat You Better, Nervous, Where Were You In The Morning และ Bad Reputation ที่เหมือนคอนเสิร์ตครั้งก่อน เมนเดสสามารถถ่ายทอดเพลงนี้ได้อย่างแข็งแกร่งและมีชั้นเชิง 

 

ส่วนเพลง Senorita ที่กลายเป็นเพลงที่มีการสตรีมมิงมากที่สุดบน Spotify ประจำช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ก็น่าเสียดายที่ เมนเดสได้ร้องแค่นิดเดียว โดยเป็นเมดเลย์กับเพลง I Know What You Did Last Summer ที่เขาเคยร้องกับ คามิลา คาเบลโล เหมือนกัน แต่ก็เข้าใจได้ว่าถ้าให้ร้องเองทั้งเพลงก็คงแปลก แม้แฟนคลับหลายคนก็คงไม่น่าติดถ้าให้พวกเขาไปร้องเป็นคามิลาแทน

 

Shawn Mendes

Shawn Mendes

 

ความน่าสนใจของคอนเสิร์ตในครั้งนี้คือ เมนเดสและทีมงานยังคงฟอร์แมตเดิมในการทำโปรดักชันเหมือนครั้งก่อนที่ไม่ได้เน้นความหวือหวาอะไรมาก เพิ่มเติมก็แค่เวทีเล็ก (B-stage) ตรงกลางฮอลล์กับ Installation ดอกไม้กุหลาบเปลี่ยนสี ซึ่งเขาก็ใช้เวทีนี้ช่วง Acoustic Session ที่เปิดด้วยคัฟเวอร์เพลง I Wanna Dance With Somebody ของ วิตนีย์ ฮุสตัน ก่อนจะปิดด้วยเพลง Like To Be You ที่ในอัลบั้มร้องกับ จูเลีย ไมเคิลส์ โดยคอนเซปต์ทั้งโชว์ก็ดูลงตัวสำหรับแบรนด์ Shawn Mendes ที่เขาคงวางตัวเองเป็นศิลปินร่วมสมัยแบบ Adult Contemporary ที่ไม่ต้องทำโชว์กับการโหนสลิง เปลี่ยน 8 ชุด และมีลิฟต์ไฮโดรลิกขึ้นลงตลอดเวลา 

 

แต่มาในครั้งนี้ สิ่งที่เรากลับสัมผัสได้และเหมือนเป็นการยกระดับโชว์นี้ไปในตัวจากครั้งก่อน คือนักร้องหนุ่มจากแคนาดาคนนี้ดูเหมือนได้ทำลายกำแพงตัวเอง โตขึ้น และมีความมั่นใจมากขึ้น แม้จะยังมีความกันเองกับแฟนเพลง ซึ่งอย่างหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือ เมนเดสได้แทรกข้อคิดดีๆ แบบ Self-Empowerment ผ่านเพลงอย่าง Youth ที่เขาบอกว่า เราทั้งหมดมีพลังภายในตัวเองที่จะเปลี่ยนโลกนี้ได้ หรืออีกไฮไลต์ก็ตอน Encore ที่เขาร้องเพลงสุดคลาสสิกของวง Coldplay อย่าง Fix You ก่อนจะเข้าเพลงสุดท้าย In My Blood ที่ได้เข้าชิงแกรมมี่สาขาเพลงยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา ซึ่งเพลงนี้เล่าถึงประสบการณ์ของเมนเดส ในการเคยเป็นโรควิตกกังวล (Anxiety) แต่สามารถเผชิญและต่อสู้ชีวิตให้ผ่านพ้นมาได้

 

แม้ทุกวันนี้ชื่อเสียงของเมนเดสจะไปพัวพันกับคนที่เขากำลังคบหา ข่าวลือต่างๆ เรื่องเพศสภาพ (ที่เหมือนไป Bully เขา) หรือกระแสฮือฮาเกี่ยวกับแคมเปญโฆษณากางเกงในยี่ห้อหนึ่ง แต่คอนเสิร์ตนี้ก็เป็นการตอกย้ำว่า สิ่งพวกนั้นไม่ได้มีความสำคัญอะไร หรือเทียบเท่ากับ ‘คุณค่า’ จริงๆ ของผู้ชายคนนี้ที่อยู่ตรงความสามารถ ความทะเยอทะยาน ความไม่หยุดพัฒนา ความรัก และศรัทธาในดนตรีที่มีให้เห็นในทุกตัวโน้ตที่เขาร้องและเล่นให้เราฟัง

 

 

ภาพ: เออีจี พรีเซ้นส์ เอเชีย และ ไลฟ์ เนชั่น บีอีซี-เทโร

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising