อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและค่าครองชีพที่สูงมีผลกระทบอย่างมากต่อทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ หนึ่งในอุตสาหกรรมดังกล่าวคือ ‘อุตสาหกรรมการค้าบริการทางเพศ’ ซึ่งขณะนี้กำลังต่อสู้กับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากต้องอาศัยการใช้จ่ายตามความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างมาก
บุคคลที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์นี้คือ Jenna Love ซึ่งเป็น Sex Worker ในซิดนีย์ ออสเตรเลีย ที่พบสัญญาณเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในอุตสาหกรรมการก่อสร้างและแนวโน้มของคนรุ่นใหม่ที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่นานขึ้น ซึ่งได้มาจากการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าและความถี่ในการมาเยี่ยม
ตอนนี้ Jenna Love เหมือนกับเพื่อนๆ ของเธออีกหลายคนในอุตสาหกรรมทางเพศ ที่พบว่ารายได้ของพวกเธอน้อยลงจากการที่ผู้คนจำนวนมากขึ้นพบว่าตนเองต้องประหยัดเนื่องจากการเงินที่ตึงเครียด
ผลสำรวจล่าสุดโดย CNBC และ Morning Consult ยืนยันสิ่งนี้ โดยเผยให้เห็นว่า 92% ของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ได้ควบคุมการใช้จ่ายของพวกเขาเนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน แม้ว่าสถิติจะมุ่งเน้นไปที่สหรัฐอเมริกาซึ่งขณะนี้อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ประมาณ 3% แต่แนวโน้มที่คล้ายคลึงกันนั้นเห็นได้ชัดเจนในออสเตรเลีย
เรื่องที่ซับซ้อนยิ่งกว่านั้นคือการเลือกปฏิบัติและการตีตราที่ผู้ให้บริการทางเพศต้องเผชิญ ซึ่งจำกัดการเข้าถึงการสนับสนุนจากภาครัฐและรูปแบบอื่นๆ ที่อาจช่วยให้พวกเขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านี้ไปได้
ประเด็นนี้ได้รับการเน้นย้ำโดยโฆษกของสมาคมผู้ให้บริการทางเพศแห่งออสเตรเลีย Scarlet Alliance ซึ่งกล่าวถึงความยากลำบากที่คล้ายคลึงกันที่ผู้ให้บริการทางเพศต้องเผชิญในช่วงการระบาดของโควิด
แม้จะมีความท้าทายแต่ Love ยังคงมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับอนาคตของอุตสาหกรรม เธอเชื่อว่าความต้องการที่แท้จริงของมนุษย์ในด้านเพศจะทำให้อุตสาหกรรมนี้เดินหน้าต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือ เมื่อเผชิญกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ผู้คนจะสามารถควักเงินออกมาจ่ายค่าบริการที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ได้หรือไม่ ยังเป็นคำถามที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้อย่างชัดเจน
อ้างอิง: