×

Sex Toy ผิดกฎหมาย สังคมเสียอะไร: สิทธิที่จะไปถึงจุดสุดยอด

โดย คำ ผกา
07.06.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • ทำไมเราต้องยับยั้งอารมณ์ทางเพศ นี่ยังไม่นับว่าไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่าการนั่งสมาธิหรือเล่นกีฬาช่วยยับยั้งอารมณ์ทางเพศได้ เพราะหากยับยั้งได้จริง นักกีฬาทุกคนไม่เซ็กซ์เสื่อมกันหมดแล้วหรือ
  • ถ้าจะมีใครสักคนเกิดมีอารมณ์ทางเพศ แล้วเดินเข้าห้องนอนไปใช้ไวเบรเตอร์เพื่อสำเร็จความใคร่ หากเป็นเช่นนี้แล้ว ไปมีปัญหาสังคมที่ตรงไหน ทำไมเราต้องให้คนที่สามารถปลดเปลื้องความปรารถนาทางเพศได้ด้วยตนเอง ไม่เดือดร้อนใคร ต้องกลายเป็นอาชญากรเพราะซื้อและครอบครองเซ็กซ์ทอย (Sex Toy) ด้วย
  • ปัญหาคนสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องความหื่น แต่เป็นความหายไปของอารมณ์ทางเพศ โรคซึมเศร้าต่างๆ นานา ประชากรโลกต้องการตัวช่วยที่จะกระตุ้นความอยากในเรื่องเพศมากขึ้น

ความเห็นของ คุณสาลินี ชุ่มวรรณ์ ผอ. สำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ที่มีต่อเรื่องเซ็กซ์ทอย (Sex Toy) นั้นน่าสนใจมาก ขอคัดมาให้อ่านเป็นเบื้องต้นก่อนดังนี้

 

“วัฒนธรรมไทยยังเป็นเรื่องสงวน ยังต้องปกปิด การที่เราจะมีอารมณ์ทางเพศ ถึงแม้จะเป็นเรื่องธรรมชาติ เราก็สามารถยับยั้งชั่งใจได้ ไม่หมกมุ่น โดยการทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น นั่งสมาธิ เล่นกีฬา ฯลฯ

 

“แต่การออกฎหมายมานั้นเพื่อควบคุมคนกลุ่มน้อยที่อาจสร้างความยุ่งยากในสังคม ยังมีคนส่วนมากที่เห็นด้วยว่าเซ็กซ์ทอยผิดกฎหมาย ก็เหมือนกับการห้ามสูบบุหรี่ในบางที่ เขาถึงออกกฎหมายตัวนี้มา คงเอาเรื่องวัฒนธรรมมาจับอย่างเดียวไม่ได้

 

“ดังนั้นถ้าอยากให้ถูกกฎหมาย ประเทศไทยต้องมีงานวิจัยมารองรับก่อนว่ามีผลดีอย่างไร ไม่ก่อให้เกิดปัญหาหรือผลกระทบที่จะตามมา หากถามว่าก็มีงานวิจัยจำนวนมากทั่วโลก ทำไมถึงไม่เอามาใช้ เราต้องยึดหลักบริบททางสังคมของประเทศไทยเพราะบริบททางสังคมของแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกัน”

 

ความเห็นนี้เป็นความเห็นที่อ่านเผินๆ เหมือนจะดูดี แต่หากลองอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์จะพบปัญหาหลายจุดในความเห็นนี้ เช่น

 

คุณสาลินีรู้ได้อย่างไรว่าในวัฒนธรรมไทยเรื่องอารมณ์ทางเพศเป็นเรื่องสงวนและปกปิด

เพราะในความเป็นจริงก็คือ เรื่องอารมณ์ทางเพศเป็นเรื่องที่สามารถแสดงออกได้ตามกาลเทศะ เช่น เราไม่จำเป็นต้องปกปิดความต้องการทางเพศของเราเมื่อเราอยู่กับคนรักของเราในสถานที่อันเป็นส่วนตัวใช่หรือไม่ และทั้งหมดนี้ความเป็นไทย หรือ วัฒนธรรมไทยไม่ใช่ข้อยกเว้น ในทุกวัฒนธรรมที่เข้าสู่ความเป็นสมัยใหม่แล้ว อารมณ์ทางเพศนั้นสามารถแสดงออกได้ในกาละและเทศะที่เหมาะสม (ไม่ละเมิดสิทธิหรือขืนใจผู้อื่น)

 

อารมณ์ทางเพศ แม้จะเป็นธรรมชาติ ก็สามารถยับยั้งชั่งใจได้ โดยไปนั่งสมาธิหรือเล่นกีฬา

คำถามคือ ทำไมเราต้องยับยั้งอารมณ์ทางเพศ นี่ยังไม่นับว่าไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่าการนั่งสมาธิหรือเล่นกีฬาช่วยยับยั้งอารมณ์ทางเพศได้ เพราะหากยับยั้งได้จริงนักกีฬาทุกคนไม่เซ็กซ์เสื่อมกันหมดแล้วหรือ ปัญหาของคนในโลกปัจจุบันไม่ใช่ปัญหาของการมีอารมณ์ทางเพศแล้วไม่ยับยั้งชั่งใจ แต่เป็นเรื่องการ ‘หมดอารมณ์ทางเพศก่อนวัยอันควร’ เสียมาก เช่น ปัญหา Sexless Society ในญี่ปุ่น หรือปัญหาคู่สามีภรรยาวัยเจริญพันธุ์มีเซ็กซ์น้อยลง และมีบุตรน้อยลง

 

หากคุณสาลินีจะห่วงเรื่องวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์โดยขาดความยับยั้งชั่งใจ สิ่งที่ต้องทำ คือให้ความรู้เรื่องเพศศึกษากับเด็ก และให้เด็กเข้าใจว่าอารมณ์ทางเพศตามฮอร์โมนของพวกเขาคืออะไร การเคารพ การยินยอมพร้อมใจของผู้อื่นเป็นอย่างไร การให้เกียรติตนเอง และการให้เกียรติคนอื่นในเรื่องเพศคืออะไร ไม่ใช่การไปบอกให้พวกเขาเก็บกดหรือไปนั่งสมาธิ มิเช่นนั้นเราจะไปเพิ่มปัญหาการละเมิดทางเพศเด็กชายในวัดในโบสถ์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 

ทีนี้ ถ้ามีจะใครสักคนเกิดมีอารมณ์ทางเพศ แล้วเดินเข้าห้องนอนไปใช้ไวเบรเตอร์เพื่อสำเร็จความใคร่แล้วมีความสุข หลับสบาย หากเป็นเช่นนี้แล้วไปมีปัญหาสังคมที่ตรงไหน ทำไมเราต้องให้คนที่สามารถปลดเปลื้องความปรารถนาทางเพศได้ด้วยตนเองไม่เดือดร้อนใครต้องกลายเป็นอาชญากรเพราะซื้อและครอบครองเซ็กซ์ทอยด้วย

 

ยังมีคนส่วนมากที่เห็นว่าเซ็กซ์ทอยควรผิดกฎหมาย

เรื่องนี้คุณสาลินีควรต้องมีสถิติตัวเลขมายืนยันด้วย จะพูดลอยๆ เช่นนี้ก็ต้องถามกลับมาว่ามีข้อมูลงานวิจัยอะไรมารองรับไหม งานวิจัยนั้นเชื่อถือได้ไหม

 

คุณสาลินีเปรียบเทียบกฎหมายเซ็กซ์ทอยกับการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ

แต่เดี๋ยววววว มันเป็นคนละเรื่องกัน การสูบบุหรี่ในที่สาธารณะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้อื่น หากจะเปรียบต้องเปรียบว่า เซ็กซ์ทอยจะผิดกฎหมายเมื่อนำมาใช้งานในที่สาธารณะ เช่น ป้ายรถเมล์ บนเครื่องบิน บนรถโดยสารสาธารณะ ฯลฯ ถูกไหม การสูบบุหรี่ในบ้านตัวเองไม่ผิดฉันใด การใช้เซ็กซ์ทอยในบ้านตัวเองก็ไม่ควรผิดฉันนั้น

 

อยากให้เซ็กซ์ทอยถูกกฎหมายต้องมีงานวิจัยมารองรับก่อน และต้องเป็นงานวิจัยที่ทำกับสังคมไทยด้วย

ถ้าอย่างนั้นคุณสาลินีมีงานวิจัยชิ้นไหนมารองรับบ้างว่าการมีเซ็กซ์ทอยมันเป็นภัยต่อสังคม มันทำให้สังคมเสื่อมทราม อารยธรรมล่มสลายอย่างไรบ้าง จึงต้องทำให้มันผิดกฎหมาย!

ความเกลียดกลัวเซ็กซ์ทอยมาจากไหน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่สันนิษฐานว่าเกิดกับ มนุษย์ที่ถูกสอนมาให้เกลียดกลัวเรื่องเพศ

 

Betty Dodson ที่ปีนี้อายุ 85 ปีแล้ว บอกว่า เคล็ดลับความอ่อนเยาว์ของเธอคือการถึงจุดสุดยอดอย่างสม่ำเสมอ และเธอคือเจ้าแม่เรื่องการเปิดคอร์สสอนให้ผู้หญิงรู้จักการช่วยตัวเองให้ถึงจุดสุดยอด โดยเธอมองว่าไวเบรเตอร์คือสิ่งที่กอบกู้จิตวิญญาณของผู้หญิง และเคยให้สัมภาษณ์ว่ามีผู้หญิงที่มาเข้าคอร์สเรียนเรื่องการช่วยตัวเองกับเธอ ยอมรับว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยก้มลงดูจิ๋มของตัวเองเลยว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร

 

ผู้หญิงที่ไม่เคยก้มลงดูจิ๋มของตัวเอง ไม่เคยช่วยตัวเองจนถึงจุดสุดยอด และเมื่อแต่งงานไปก็คิดว่าตัวเองมีหน้ารองรับอสุจิของผู้ชายเพื่อตั้งครรภ์ มีลูก คนเหล่านี้เห็นว่าเรื่องเพศน่ารังเกียจ ลามกจกเปรต แล้วเลยพาลเห็นว่าเซ็กซ์ทอยคือความวิตถาร ผู้หญิงหรือคนดีๆ ที่ไหนจะต้องมาใช้เซ็กซ์ทอยในการมีเซ็กซ์ เพราะการมีเซ็กซ์คือนอนนิ่งๆ ทอดถอนใจไปมากระมัง

 

หรืออีกที พวกรังเกียจเซ็กซ์ทอยน่าจะเป็นพวกมือถือสากปากถือศีล บ้านตัวเองอาจจะมีสารพัดเครื่องเล่น แต่ต้องทำมากรี๊ดกร๊าดรังเกียจ สร้างภาพแม่ชีแสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไร้เดียงสา อ่อนต่อโลก ดูน่าได้โล่ ได้รางวัลอนุรักษ์นิยมดีเด่น เป็นแม่ตัวอย่าง เป็นนางสาวไทยตัวอย่าง เป็นพลเมืองตัวอย่าง มีประกาศณียบัตรคนดีติดเต็มข้างฝา

 

เซ็กซ์ทอยไม่ได้เพิ่งถือกำเนิดมาบนโลกใบนี้ แต่หลักฐานทางโบราณคดีชี้ชัดว่าดิลโด้นั้นเกิดมาก่อนมนุษย์จะรู้จักตัวหนังสือ ตั้งแต่ยุคน้ำแข็งเรื่อยมาจนถึงอียิปต์ กรีก ญี่ปุ่น อินเดีย กามาสุตรา โลกก็ไม่เคยขาดแคลนดิลโด้

 

จนกระทั่งปลายศตวรรษที่ 19 ที่มีการคิดค้นเครื่องมือทางการแพทย์เป็นไวเบรเตอร์ใช้นวดกระตุ้นตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ใช้ได้ทั้งชายและหญิง ว่ากันว่ากระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และดีเป็นพิเศษสำหรับผู้หญิงที่ปวดหัว หงุดหงิดอย่างไม่รู้สาเหตุ

 

โรคฮิสทีเรียของผู้หญิงก็รักษากันด้วยการนวดกระตุ้น มีทั้งการเรียกหมอมานวดที่บ้าน จนกระทั่งมีการประดิษฐ์เครื่องนวดที่ทำเองได้ และราคาถูกกว่าไปหาหมอ เครื่องไวเบรเตอร์นี้จึงเป็นที่นิยมอย่างมาก ว่ากันว่าในบรรดาเครื่องใช้ไฟฟ้ายุคก่อนสงครามโลกที่ผู้หญิงต้องมีคือจักรเย็บผ้า กาต้มน้ำ และที่ขาดไม่ได้คือเจ้าไวเบรเตอร์นี่แหละ

 

แต่ในช่วงหนังโป๊เฟื่องฟู ไวเบรเตอร์ไปปรากฏตัวในหนังโป๊มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง ไวเบรเตอร์กลายเป็นของที่นำความน่าอับอายมาสู่ผู้ครอบครอง แลดูเป็นผู้หญิงบ้าเซ็กซ์ และภาพไวเบรเตอร์กับเซ็กซ์ทอยที่มาพร้อมกับเซ็กซ์วิตถารจึงกลายเป็นภาพเหมารวมไปจนทศวรรษที่ 70 ขบวนการเคลื่อนไหวนักสตรีนิยมที่เรียกร้องการปลดแอกทางเพศที่หมายถึงการถึงจุดสุดยอดได้ด้วยตนเองของผู้หญิง เป็นประเด็นที่สำคัญประเด็นหนึ่ง

 

ผู้หญิงต้องพึ่งตนเองได้ทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องที่เราจะ ‘ฟิน’ ได้ด้วยมือเรา ไวเบรเตอร์กับนักสตรีนิยม และผู้หญิงแบบ Betty Dodson นี่แหละที่ทำให้ไวเบรเตอร์และเซ็กซ์ทอย กลายมาเป็นเมนสตรีมไปเสียอีก

 

ย้ำ เซ็กซ์ทอยคือเมนสตรีมไปแล้วนะ ไม่ใช่อะไรที่ radical เก๋ไก๋ แหวกแนว ล้ำยุค ล้ำสมัยอะไรอีกเลย เป็นสิ่งที่ซื้อได้ใน Amazon!

 

สิ่งที่น่าจับตาคือ นวัตกรรมของเซ็กซ์ทอย ที่ล้ำไปกับเทคโนโลยีไอทีเรื่อยๆ สอดคล้องกับนวัตกรรมของการดีไซน์ที่สวยสง่า น่าใช้ น่าพก เป็นมิตรกับโลก กับสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์คนได้อย่างหลากหลายและทุกเพศ อีกทั้งเป็นเครื่องทุ่นแรงสำหรับคนที่มีความบกพร่อง พิการในมิติต่างๆ ที่สำคัญอย่างที่เขียนไปว่าปัญหาคนสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องความหื่น แต่เป็นความหายไปของอารมณ์ทางเพศ โรคซึมเศร้าต่างๆ นานา ประชากรโลกต้องการตัวช่วย เครื่องทุ่นแรง และอุปกรณ์เสริม ของเล่น ที่จะกระตุ้นความอยากในเรื่องเพศมากขึ้น และการนั่งสมาธิ เล่นกีฬา ก็เป็นทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ไม่ใช่ไปช่วยดับอารมณ์ทางเพศ!

 

ในท่ามกลางความจำกัดจำเขี่ยของเสรีภาพในทุกด้าน อย่าให้ความจำกัดจำเขี่ยนั้นลามมาถึงสิทธิที่จะใช้เครื่องทุ่นแรงเพื่อไปถึงสุดยอดของพลเมืองเลย ในท่ามกลางความกะพร่องกะแพร่งนี้ เซ็กซ์ทอยจะช่วยทุ่นแรง ลดปัญหา นิ้ว ข้อมืออักเสบ ลดอุปสรรคของคนที่ความยืดหยุ่นของร่างกายไม่ดี ฯลฯ ให้ไปถึงจุดหมายปลายทางของความสุขสมทางเพศอย่างสะดวกสบายขึ้นก็เท่านั้น

 

ภาพประกอบ: Tanya S. / Pantitra H.

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising