*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของซีรีส์ Sex Education ซีซัน 1-3
“ฉันก็แค่อยากเป็นคนธรรมดาทั่วไป ที่มีกะปู๋ธรรมดา แล้วมีพ่อธรรมดา”
ดูเหมือนว่าภาพลักษณ์แรกที่ผู้ชมได้ทำความรู้จักกับ Adam (Connor Swindells) หนึ่งในตัวละครหลักจากซีรีส์ Sex Education น่าจะชวนให้ใครหลายคนรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่มากก็น้อย ด้วยนิสัยที่ชอบใช้ความรุนแรงและใช้ถ้อยคำดูถูกผู้อื่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Eric (Ncuti Gatwa) ที่ถูก Adam รังแกอย่างหนักจนส่งผลกระทบไปถึงสภาพจิตใจ
จนกระทั่งเรื่องราวดำเนินมาถึงซีซันที่ 3 ตัวซีรีส์ก็ค่อยๆ เปิดเผยเรื่องราวและปมปัญหามากมายที่เกิดขึ้นกับ Adam ให้ผู้ชมได้ ‘ทำความเข้าใจ’ ในตัวตนของเขามากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน เราเชื่อว่าเรื่องราวแห่งการเติบโตของเขาก็กำลังมอบบทเรียนให้แก่ผู้ชมเช่นเดียวกัน
ทุกคำพูดและการกระทำของ ‘ครอบครัว’ ส่งผลต่อจิตใจของ ‘ลูก’ เสมอ
แม้ว่าเราจะปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกการกระทำของ Adam ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่อีกด้านหนึ่ง Sex Education ก็ได้พาผู้ชมสำรวจถึงสาเหตุสำคัญที่หล่อหลอมให้ Adam กลายเป็นคนชอบรังแกผู้อื่น
โดยหนึ่งในสาเหตุสำคัญคือ Michael (Alistair Petrie) พ่อผู้เข้มงวดกับ Adam ในทุกกระเบียดนิ้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Michael เป็นถึงครูใหญ่แห่งโรงเรียนมัวร์เดล Adam จึงถูกบังคับให้แบกรับทั้งความคาดหวังและแรงกดดันจากผู้เป็นพ่อมากกว่านักเรียนคนอื่นๆ เพราะหาก Adam ทำผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย มันย่อมส่งผลไปถึงภาพลักษณ์ของ Michael ผู้เป็นครูใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความเข้มงวดกวดขันและไม่เคยคิดจะ ‘ถามความรู้สึก’ ของลูกแม้สักครั้ง จึงไม่แปลกนักที่ Adam จะเริ่มกลายเป็นเด็กเกเรเพื่อหวังว่าจะสร้างความรำคาญใจให้กับพ่อผู้เข้มงวดได้บ้าง โดยหนึ่งในฉากที่อธิบายความรู้สึกของ Adam ได้ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นฉากงานเต้นรำ ที่ Adam ได้เห็นภาพของ Eric และพ่ออย่าง Effiong (DeObia Oparei) กำลังปรับความเข้าใจกัน ซึ่งเราจะสังเกตสีหน้าของ Adam ได้อย่างชัดเจนว่า เขากำลังรู้สึก ‘อิจฉา’ Eric ที่มีพ่อคอย ‘รับฟัง’ และ ‘ยอมรับ’ อยู่เคียงข้าง เพราะเขาไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านี้จากพ่อของตัวเองเลย
เรื่องราวทั้งหมดนี้กำลังทำหน้าที่ชี้ให้ผู้ชม (โดยเฉพาะผู้ใหญ่) ได้ตระหนักว่าทุกคำพูดและการกระทำของพ่อแม่หรือคนในครอบครัว ล้วนส่งผลกระทบต่อจิตใจของลูกๆ ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้มงวดกวดขันที่มากเกินความจำเป็น และการไม่รับฟังความรู้สึกของลูกเลยสักครั้ง ย่อมส่งผลร้ายมากกว่าเสมอ
ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องราวในซีซัน 3 ที่ได้เปิดเผยปมปัญหาในอดีตของ Michael ซึ่งมักจะถูกพ่อและพี่ชายกลั่นแกล้งมาตั้งแต่เด็ก และถูกสั่งสอนว่าการเป็นผู้ชายต้อง ‘ห้ามอ่อนแอ’ ก็ยิ่งตอกย้ำให้เราได้ตระหนักถึงประเด็นดังกล่าวชัดเจนขึ้นกว่าเดิม
เราแค่ต้องการใครสักคนที่คอย ‘รับฟัง’ และ ‘ยอมรับ’ ในตัวตนของเรา
นับตั้งแต่เรื่องราวในซีซันที่ 2 เป็นต้นมา เราจะเริ่มเห็นถึงพัฒนาการที่เติบโตขึ้นของ Adam อย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการพยายามค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่เขาทำได้ดี พยายามตั้งใจเรียนหนังสือให้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงพยายามปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนๆ ในโรงเรียน ซึ่งหากเราสังเกตดีๆ จุดร่วมข้อหนึ่งที่เป็นแรงผลักดันให้ Adam เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง ล้วนมาจากผู้คนรอบข้างที่เริ่ม ‘เปิดใจรับฟัง’ และ ‘ยอมรับ’ ในตัวเขามากขึ้นด้วยกันทั้งสิ้น
ทั้งการได้เจอกับเพื่อนในโรงเรียนทหารที่คอยช่วยเหลือ และรับฟังเรื่องราวของ Adam จนทำให้เขารู้สึกได้เจอพื้นที่ของตัวเอง (แม้ในตอนท้ายพวกเขาจะหักหลัง Adam ก็ตาม) และหลังจากที่ Adam ถูกไล่ออกมา Eric ก็ได้กล่าวกับเขาว่า “ฉันดีใจนะที่นายกลับมา” ซึ่งทำให้เขาตระหนักถึงการกระทำของตัวเองในอดีต และอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ไม่นานจากนั้น Adam ยังได้มาเจอกับ Ola (Patricia Allison) ที่ยอมรับว่าเขาคือ ‘เพื่อน’ เป็นคนแรก และกลายเป็นคนที่คอยรับฟังเรื่องราวของกันและกันเสมอ และหลังจากที่ Adam เริ่มกลับมาตั้งใจเรียนอีกครั้ง ครู Sands (Rakhee Thakrar) คือหนึ่งในไม่กี่คนที่สังเกตเห็นความพยายามของเขา เธอจึงเริ่มเอ่ยปาก ‘ถาม’ Adam ว่า “มีอะไรให้ครูช่วยไหม” และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอคอยให้คำปรึกษากับ Adam มาตลอด จนทำให้เขาได้ค้นพบว่าอะไรคือสิ่งที่เขาทำได้ดี รวมถึงการที่แม่อย่าง Maureen (Samantha Spiro) ยอมรับว่าเขาเป็นเกย์ และโอบกอดเขาในวันที่ต้องเลิกรากับ Eric
และในท้ายที่สุด Adam ก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองจนได้เป็นเพื่อนกับ Rahim (Sami Outalbali) แฟนเก่าของ Eric ได้อย่างสนิทใจ ทำให้ Otis (Asa Butterfield) ยอมรับในตัวของเขา และเขาก็ค้นพบสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีนั่นคือการฝึกฝนสุนัข
แต่ทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหาก Adam ขาดกลุ่มคนที่คอยมอบความรัก คอยรับฟัง คอยให้ความช่วยเหลือ และยอมรับในตัวตนของเขา จนผลักดันให้เขากล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม
แด่ทุกคนที่เคยผิดพลาด
แน่นอนว่าในท้ายที่สุด Sex Education ก็เป็นเพียงซีรีส์เรื่องหนึ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากจินตนาการของทีมสร้าง เพราะหากเราลองหันมามองในโลกความเป็นจริง การแก้ไขปมปัญหาที่ซีรีส์กล่าวถึงในหลายๆ ประเด็นก็อาจจะดูซับซ้อนและยากเย็นกว่ามากทีเดียว
แต่สิ่งที่ Sex Education กำลังทำมากกว่าการเป็นกระจกสะท้อนให้ผู้ชมได้เรียนรู้ และตระหนักถึงปัญหาที่เหล่าวัยรุ่น (รวมถึงวัยผู้ใหญ่) กำลังเผชิญ นั่นคือการมอบ ‘ความหวัง’ ให้แก่ผู้ชมทุกคนที่เคย ‘ผิดพลาด’ เช่นเดียวกับ Adam และตัวละครอีกหลายตัวภายในเรื่อง เพื่อบอกกับเราว่า อย่าพึ่งหมดความหวังว่าเราจะไม่สามารถเป็นคนที่ดีขึ้นได้กว่านี้
หากเรายอมรับในความผิดพลาด และกล้าที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะต้องมีใครสักคนที่ ‘มองเห็น’ ในความพยายาม และพร้อมที่จะคอย ‘ช่วยเหลือ’ เราปรากฏตัวขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ขณะเดียวกัน Sex Education ยังย้ำเตือนให้เราเห็นว่า การเปิดใจ ‘ยอมรับ’ ผู้ที่เคยทำผิดพลาด ลองรับฟังเพื่อ ‘ทำความเข้าใจ’ และคอย ‘เป็นกำลังใจ’ ให้กับคนเหล่านั้น สิ่งเหล่านี้ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ช่วยเป็นแรงผลักดันให้ใครสักคนกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
สามารถรับชมซีรีส์ Sex Education ซีซัน 3 ทั้ง 8 ตอน ได้แล้วทาง Netflix
รับชมบทสัมภาษณ์พิเศษสองนักแสดงนำอย่าง Asa Butterfield และ Ncuti Gatwa เกี่ยวกับเรื่องราวของ Sex Education ซีซัน 3 ได้ที่นี่:
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่
ภาพ: Netflix