×

หุ้นไทยต่ำสุดในรอบ 28 เดือน! โบรกเชื่อเป็นจุดให้เริ่มทยอยซื้อ แต่ขาลงจะจบได้จริงต้องเห็นกำไร บจ. เริ่มฟื้นตัว

26.06.2023
  • LOADING...
set index 1490

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (26 มิถุนายน) ดัชนี SET ร่วงลงทำจุดต่ำสุดที่ 1,486.62 จุด ต่ำสุดในรอบประมาณ 28 เดือน โดยดัชนีปรับตัวลดลง 6 วันทำการติดต่อกัน หรือลดลงไปราว 70 จุด ส่งผลให้ดัชนี SET ในปีนี้ลดลงไปราว 10% จากสิ้นปี 2565 

 

แรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยวันนี้โดยหลักมาจากหุ้นของ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (DELTA) ที่ลดลงราว 3% หุ้นของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ลดลงราว 8% รวมทั้งหุ้นในกลุ่มเจมาร์ท เช่น บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ลดลงราว 7% หรือ บมจ.เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) ลดลงราว 13%

 

หากเปรียบเทียบดัชนีหุ้นไทยกับดัชนีอื่นๆ ทั่วโลกจากข้อมูลของ Bloomberg พบว่า หุ้นไทยอ่อนแอที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยเป็นรองเพียงตลาดหุ้นเคนยาและตลาดหุ้นโคลอมเบีย ซึ่งดัชนีติดลบไป 16% และ 12% ตามลำดับ 

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 


 

ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า การปรับลดประมาณการกําไรของบริษัทจดทะเบียนที่ยังคงเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวส่งผลให้ Valuation ของดัชนี SET ยังดูไม่น่าสนใจ และเป็นเหตุผลสําคัญที่ทําให้เรายังไม่เห็นการไหลเข้ามาของ Fund Flow ในตลาดหุ้นไทย 

 

จากต้นปีจนถึง ณ วันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ต่างชาติขายหุ้นไทยไปราว 1.08 แสนล้านบาท

 

ณัฐชาตกล่าวต่อว่า หากประเมินจากปัจจัยพื้นฐาน แม้ว่าจะหักผลกระทบจากหุ้น DELTA ออกไป หุ้นไทยยังคงไม่ได้อยู่ในระดับที่ถูกมากจนน่าสนใจ 

 

อย่างไรก็ตาม ดัชนี SET ที่ลดลงมาสู่ 1,490 จุด เป็นจุดที่เริ่มทยอยซื้อได้แล้ว สำหรับหุ้นบางตัวที่ Valuation ต่ำจนเกิด Margin of Safety อาทิ CPALL ลดลงมาจนมาระดับ EV / EBITDA ต่ำสุดในรอบ 10 ปี

 

หากเป็นนักลงทุนที่รอซื้อมาตลาดทางและไม่มีหุ้นในพอร์ต ตอนนี้เป็นจุดที่เริ่มเข้าซื้อได้บ้าง แต่หากเป็นนักลงทุนที่ต้องการซื้อกองทุนประเภท Index Fund ระดับที่น่าสนใจคือ 1,450-1,460 จุด ซึ่งเป็นโซนที่เรียกได้ว่าค่อนข้างถูก วัดจากระดับกำไรต่อหุ้นและค่าเฉลี่ย Book Value ที่ราว 1.39 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของจุดต่ำสุดที่หุ้นไทยมักจะฟื้นตัวนับแต่ปี 2549

 

“ปีนี้จะเห็นว่าเงินลงทุนไหลไปยังตลาดที่กำไรยังเติบโตได้ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ส่วนตลาดที่กำไรอ่อนแอ อาทิ จีน แม้จะเห็นการลดดอกเบี้ยหรือมาตรการกระตุ้น แต่กำไรก็ลดลงด้วย ทำให้ดัชนีอ่อนแอ สะท้อนว่านักลงทุนให้ราคากับกำไรของตลาดมากๆ ในปีนี้” 

 

ฉะนั้นปัจจัยที่จะช่วยให้หุ้นไทยฟื้นตัวได้จริงคือกำไรของบริษัท ปัจจุบันจะเห็นว่าดัชนีเราปรับตัวลงแต่อัตราส่วน P/E ไม่ได้ลดลงนัก เพราะกำไรของเราอ่อนตัวตามราคา 

 

สิ่งที่ต้องติดตามหลังจากนี้คือราคาน้ำมัน ซึ่งส่งผลต่อกลุ่มพลังงานและกลุ่มอื่นที่เกี่ยวเนื่อง แต่ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกที่ไม่ได้ฟื้นตัวดีนักทำให้บริษัทของไทยที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ถูกกดดัน ขณะที่การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวไม่ได้มีสัดส่วนต่อดัชนีมากนัก 

 

สิ่งที่อาจพอหวังได้คือการบริโภคในประเทศ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากมีความชัดเจนทางการเมือง ส่วนการส่งออกยังคงถูกกดดันจากปัญหาที่ทั่วโลกเร่งเติมสินค้าเข้าสต๊อกก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่สามารถระบายออกไปได้หมด 

 

“เราจะเริ่มต้นไตรมาส 3 ด้วยเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด โดยเฉพาะช่วงแรกของไตรมาส ทั้งการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน และแนวนโยบายการเงินทั่วโลกรวมทั้งของไทย”

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising