×

จากหนัง Gone Girl สู่ซีรีส์ Mindhunter ฟีดแบ็กงานใหม่ของ David Fincher เป็นอย่างไรบ้าง?

17.10.2017
  • LOADING...

     เปิดตัวมาดีตั้งแต่ House of Cards ซีรีส์การเมืองแนวฉลาดแกมโกงของ เดวิด ฟินเชอร์ (David Fincher) ซึ่งตอนนี้ผู้กำกับที่มีแฟนคลับทั่วโลกมากที่สุดคนหนึ่งก็ตัดสินใจทำผลงานทีวีซีรีส์ให้กับ Netflix ต่อ กับเรื่องใหม่ล่าสุด Mindhunter ที่เพิ่งปล่อยลงเว็บไซต์ไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื้อหาของซีรีส์ดัดแปลงมาจากหนังสือของ John E. Douglas ที่ใช้ชื่อเดียวกัน โดยในครั้งนี้เราได้เห็นลายเซ็นของผู้กำกับที่แฝงหลัก ‘จิตวิทยา’ รวมเข้ากับเรื่องราวสไตล์ตำรวจสืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง จนแฟนๆ เดวิด ฟินเชอร์ รอตามดูอย่างใจจดใจจ่อ บางคนอาจจะเริ่มกดดูไปแล้วบางตอน บางคนอาจจะ binge-watch จนจบซีซันในรอบเดียว แต่อยากรู้ไหมว่าฟีดแบ็กของ Mindhunter ในโลกอินเทอร์เน็ตตอนนี้เขาว่าอย่างไรกันบ้าง?

 

Photo: images-na.ssl

 

  1. คุ้มค่าการรอคอย

     ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงของผู้กำกับเดวิด ฟินเชอร์ เท่านั้นที่ทำให้ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอ แต่ยังมีชื่อของ ชาร์ลิซ เธอรอน (Charlize Theron) ในตำแหน่งโปรดิวเซอร์ให้กับ Mindhunter ด้วย แต่การคาดหวังเหล่านั้นก็ไม่ทำให้ใครผิดหวังสักเท่าไร ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การรีวิวในหมู่นักวิจารณ์ว่า Mindhunter คือซีรีส์ที่ ‘เพอร์เฟ็กต์’ สมบูรณ์ไร้ที่ติ แต่ความเข้มข้นในการโฟกัสไปที่แก่นความคิดในสมองของมนุษย์ ก็ทำให้การชมซีรีส์เรื่องนี้น่าติดตามและคุ้มค่าแก่การรอคอยมาก

 

 

  1. แรกๆ แอบน่าเบื่อเพราะเต็มไปด้วยบทสนทนา

     มีหลายคอมเมนต์บนโลกอินเทอร์เน็ตที่บอกว่าตัวเองเพิ่งจะมาอินก็ตอนที่ 3 ของ Mindhunter นี่แหละ แต่ก็อาจจะคล้ายๆ กับซีรีส์เรื่องอื่นที่ตอนแรกๆ อาจจะไม่ทำให้เราติดนัก แต่ถ้าทนดูไปได้จนถึงจุดพีกของเรื่อง ก็จะกลายเป็นติดงอมแงมโดยไม่รู้ตัว ยังมีคนติเรื่องความช้าอืดอาดในการเล่าเรื่อง ค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวาหรือตื่นเต้นสักเท่าไร แต่ก็ว่าไม่ได้ เพราะฟินเชอร์โดดเด่นเรื่องการใช้บทสนทนาในการนำพาเรื่องราวจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งอยู่แล้ว

     ถ้าคุณคิดว่าซีรีส์สืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรมจิตๆ เรื่องนี้จะมีวิชวลโหดๆ สยอง เลือดสาด ตื่นเต้น ยิงกันเหมือนเรื่องอื่นก็เลิกคิดได้เลย เพราะความโหดของเรื่องนี้มาในรูปแบบของบทสนทนาทั้งนั้น

 

 

  1. เรื่องเดิมๆ แต่วิธีนำเสนอใหม่มาก

     ถ้าให้นั่งนับซีรีส์แนวตำรวจทำคดีฆาตกรรม พระเอกเป็นคนไขคดี แล้วมีเพื่อนผู้ติดตามอีกหนึ่งคน คงนับไม่ถ้วนจริงๆ แม้ว่า Mindhunter จะโปรยตัวเองว่าเป็นซีรีส์แบบนี้ แต่วิธีการนำเสนอและวิธีเล่าเรื่องของฟินเชอร์ก็ต่างจากซีรีส์สไตล์ดังกล่าวก่อนหน้านี้ไปโดยสิ้นเชิง เพราะด้วยวิธีที่ทีมผู้สร้างต้องการให้คุณ ‘พยายามเข้าใจ’ คดีฆาตกรรมในเรื่องมากเท่าที่คุณต้องการ แต่คุณจะไม่มีวัน ‘เข้าใจ’ เหตุผลและที่มาของคดีนั้นๆ ได้อย่างแท้จริง ทำให้ซีรีส์นี้เต็มไปด้วยประโยคเด็ดที่คอยตั้งคำถามสำคัญ คำถามดีๆ ให้คนดูฉุกคิด แต่ไม่บอกคำตอบที่ตายตัวออกมา จนทำให้คนดูต้องมองย้อนกลับไปในสมองของตัวเอง ทะลุไปยังจิตใต้สำนึก เหมือนกับตัวละครในเรื่องนั่นเอง

 

 

  1. ซีรีส์ดราม่าที่ดีที่สุดในตอนนี้

     ไม่ได้เขียนเกินจริงแต่อย่างใด เพราะใน The Telegraph ก็มีนักวิจารณ์ที่ให้ดาว Mindhunter เต็ม 5 ดวง แถมยังบอกว่านี่คือซีรีส์ดราม่าที่ดีที่สุดในตอนนี้เลย ไม่ใช่แค่ในแง่ของเรื่องราว แต่เซตที่อยู่ในยุค 70s ซึ่งถูกสร้างสรรค์อย่างสมบูรณ์แบบ (ภาพสวยมากจริงๆ) ไปจนถึงโปรดักชันที่ใครหลายๆ คนบอกว่านี่มันซีรีส์ ในคุณภาพภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ชัดๆ และถ้าคุณคิดว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคทองของละครทีวี หรือทีวีซีรีส์ที่คุณภาพไม่แพ้หนังโรง Mindhunter คือตัวอย่างที่ดีว่าคุณไม่ได้กำลังก้าวเข้าสู่ยุคนั้น แต่คุณกำลังอยู่ในยุคนั้นแล้วต่างหากล่ะ

     Mindhunter นำแสดงโดย โจนาธาน กรอฟฟ์ (Jonathan Groff) ในบทบาทของ Holden Ford และ ฮอลท์ แม็คแคลลานี (Holt McCallany) ที่รับบทเป็น Bill Tench 2 คู่หูเจ้าหน้าที่ FBI กับการไขคดีฆาตกรรมต่อเนื่องด้วยการใช้หลักจิตวิทยา โดยตอนนี้ปล่อยมาเพียง 1 ซีซัน มีทั้งหมด 10 Episode แต่สำหรับใครที่ซัด Mindhunter รวดเดียวจบไปแล้ว ก็นอนรอตอนต่อไปได้เลย เพราะ Mindhunter มีซีซัน 2 ตามมาแน่ๆ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising