เสรีพิศุทธ์ชี้ แก้รัฐธรรมนูญเป็นอำนาจรัฐสภา ขอประชาธิปัตย์ถอนตัวร่วมรัฐบาล เป็นทางเดียวที่จะรักษาเก้าอี้ภาคใต้

วันนี้ (9 มีนาคม) พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยอำนาจของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ว่า ศาลไม่ควรเข้ามาก้าวล่วงอำนาจของรัฐสภา เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาที่จะดำเนินการได้อยู่แล้ว ศาลควรอยู่ส่วนศาล ไม่ควรมาก้าวล่วงอำนาจของรัฐสภา

โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการนัดประชุมในที่ 12 มีนาคมนี้ เพื่อเตรียมการรองรับการแก้ไขปัญหาหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่สามารถแก้ไขทั้งฉบับได้ ซึ่งส่วนตัวมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องได้รับการแก้ไขเพราะเป็นรัฐธรรมนูญที่เลวที่สุด เอาเปรียบกันมากที่สุด

ขณะที่การปรับคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีโดยตรง ซึ่งจะทำอย่างไรพี่น้องประชาชนคงต้องพิจารณาเอาเอง สำหรับกรณีการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมองว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐซื้อเสียงเลือกตั้ง ตนมีข้อมูล มีหลักฐาน แต่จะไม่ฟ้องร้องใดๆ เพราะสามารถเอาผิดได้แค่บุคคลตัวเล็กๆ ส่วนในการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดลำปางและสมุทรปราการที่มีหลักฐานการทุจริตเลือกตั้ง ได้ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว โดยคาดการณ์แล้วว่า กกต. จะไม่สามารถจัดการใดๆ ได้ จึงจะฟ้อง กกต. เพราะ กกต. ไม่จัดการการซื้อสิทธิ์ขายเสียงได้ ซึ่ง อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ควรลาออกจากตำแหน่ง

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวด้วยว่า ระหว่างการลงพื้นที่หาเสียง ตนเตือนประชาชนตลอดว่าเงิน 500 บาท กินไม่กี่วันก็หมดแล้ว ขอให้คิดกันให้เป็น แต่ผลออกมาพี่น้องประชาชนก็เลือกสิ่งที่ใกล้มือ ดังนั้น สองพรรคปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีซื้อเสียง เป็นไปได้อย่างไรที่อยู่ดีๆ พรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์จะได้เสียงเพิ่มมาหมื่นกว่าเสียง ซึ่งผู้สมัครไม่ได้ทำความดีอะไร ขณะที่พรรคเสรีรวมไทยได้ทำงานมาโดยตลอด ส่วนของพรรคพลังประชารัฐ พบการขนทัพลงพื้นที่ช่วยกันซื้อเสียงเต็มที่ ทำให้การเลือกตั้งรอบนี้วัดด้วยกำลังเงิน 

“สำหรับผลการเลือกตั้งที่คนของพรรคประชาธิปัตย์แพ้ให้กับพรรคพลังประชารัฐนั้น หากพรรคประชาธิปัตย์อยู่ร่วมเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เชื่อว่าจะหมดอนาคต การเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่มีที่ยืน” พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าว

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งซ่อมที่จะเกิดขึ้นที่จังหวัดชุมพรและสงขลา ตนเชื่อว่าผลเลือกตั้งจะออกมาในรูปแบบเดียวกัน เพราะพรรคพลังประชารัฐสู้เต็มที่โดยไม่สนใจมารยาททางการเมือง ดังนั้น หากตนเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยุบสภา จัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์สามารถรักษาเก้าอี้จังหวัดชุมพรและสงขลาได้

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล