×

สว. ได้ 12 ชั่วโมง ซักฟอกรัฐบาล ภาวนาเศรษฐาอยู่ให้ถึง 25 มี.ค. หวั่นไม่ได้อภิปราย

โดย THE STANDARD TEAM
11.03.2024
  • LOADING...
สว. ได้ 12 ชั่วโมง ซักฟอกรัฐบาล

วันนี้ (11 มีนาคม) ที่รัฐสภา กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 ว่า สมาชิกที่เข้าชื่อไว้ประมาณ 36 คน มีความพร้อมมาก โดยตนจะเป็นผู้พิจารณาเวลาอภิปรายของแต่ละคน ส่วนจะอภิปรายด้วยหรือไม่นั้นขอให้ติดตาม หากคนที่อภิปรายมีความเก่งตนก็ไม่จำเป็นต้องอภิปราย ในส่วนกรอบเวลาที่จะอภิปรายเป็นช่วงเวลา 09.00-00.00 น. ในวันที่ 25 มีนาคม ซึ่ง สว. ได้สัดส่วนเวลา 12 ชม. ส่วนฝ่ายรัฐบาลขอเวลา 3 ชม. 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะอยู่ในหัวข้อที่อภิปรายหรือไม่ กิตติศักดิ์กล่าวว่า มีเยอะ ทั้งนี้ ตนก็ไม่ทราบว่าคนที่อภิปรายจะกลัวทักษิณฟ้องหรือไม่ แต่คิดว่าทุกคนต้องพร้อม ตนก็พร้อมมาก หากปล่อยให้สิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น ละเมิดกฎหมาย ทุจริตกันมหาศาล เสร็จแล้วกลับมาบ้านหน้าตาเฉย แล้วส่งลูกน้องไปฟ้องคนที่วิจารณ์ จากความกลัวจะกลายเป็นความไม่กลัว เป็นแบบนี้จะไปสอนลูกหลานอย่างไร 

 

กิตติศักดิ์เปิดเผยว่า ขณะนี้อดีต สส. ถูกฟ้องเพราะไปลงภาพที่ทักษิณซ้อมต่อยมวยก่อนจะกลับประเทศไทย ไม่ทราบว่าลูกน้องทักษิณจะไปเดือดร้อนแทนอะไรไม่ทราบถึงได้มีการฟ้อง

 

เสรีภาวนาให้เศรษฐาอยู่ให้ถึง 25 มีนาคม หวั่นไม่ได้อภิปราย 

 

ขณะที่ เสรี สุวรรณภานนท์ สว. กล่าวว่า การเสนอให้มีการอภิปรายทั่วไปเพื่อให้รัฐบาลมาชี้แจงในการบริหารราชการแผ่นดิน มีสมาชิกแสดงความจำนงต้องการอภิปรายกว่า 30 คนแล้ว แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องของระยะเวลาที่มีเพียง 1 วัน หรือประมาณ 12 ชั่วโมงนั้น ซึ่ง สว. ได้หารือร่วมกัน หากมีการอภิปรายในประเด็นเดียวกันหรือคล้ายคลึงกัน จะมอบหมายให้ตัวแทน สว. อภิปรายในประเด็นนั้นๆ คนเดียว เพื่อให้การอภิปรายเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลและประชาชน 

 

เสรียังกล่าวตำหนิไปยังรัฐบาลอีกว่า วุฒิสภาเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อนำประเด็นปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินมาพูดคุยในสภา ซึ่งรัฐบาลควรจะให้ความสำคัญมากกว่านี้ รัฐบาลเองยังไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้เท่าไรนัก ตอนแรกก็ไม่ให้สมาชิกวุฒิสภาลงชื่อเพื่อยื่นมติ หลังจากนั้นก็ยังมีการจำกัดและยืดระยะเวลาออกไปอีก รัฐบาลควรจะขวนขวายรีบประชุมและนำประเด็นข้อเสนอเหล่านี้ไปแก้ไขปัญหา แต่กลายเป็นรัฐบาลให้ความสำคัญน้อย ทำให้รัฐบาลเองเสียประโยชน์ เสียโอกาส และเสียความน่าเชื่อถือ 

 

ส่วนจะเป็นการทิ้งทวนของ สว. ชุดนี้หรือไม่นั้น เสรีกล่าวว่า ก็อาจพูดได้ เพราะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายแล้ว ถือเป็นการทิ้งทวน ทิ้งหอก ทิ้งดาบ ที่เราพยายามทำให้ดีที่สุด ในช่วงที่ผ่านมาเราไม่ค่อยมีโอกาสทำแบบนี้ เพราะกว่าจะทำความเข้าใจกับสมาชิกได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากสามารถทำความเข้าใจกันได้ง่ายๆ ก็คงยื่นไปตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ รัฐบาลควรจะเข้าใจ ไม่ใช่กลายเป็นว่าอภิปรายแล้วกลายเป็นการล้มรัฐบาลเสีย

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รัฐบาลอาจจะอ้างได้ว่ายังไม่ได้ใช้งบประมาณนั้น สว. จะมีการอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องการใช้งบประมาณหรือไม่ เสรีกล่าวว่า เรื่องนี้รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับเรื่องใช้งบประมาณ เพียงแต่มีคนในรัฐบาลเอามาอ้างว่า ที่ยังไม่ทำเพราะไม่มีงบประมาณ มันไม่ใช่ รัฐบาลสามารถใช้งบประมาณตามกฎหมายเดิมได้อยู่แล้ว พอกฎหมายใหม่ออกมา รัฐบาลก็เอามาใช้ได้ 

 

“จำนวนเงินก็จำนวนเงินเดิม เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ถ้าพูดอย่างนี้คนไม่รู้ ไม่เข้าใจ ก็ไปเชื่อคนที่อ้าง เป็นคนละเรื่อง คุณไม่มีงบประมาณ แต่คุณมีกฎหมายที่จะสามารถจัดงบได้อยู่แล้ว” เสรีกล่าว

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องที่ สว. อยากอภิปรายมากที่สุดจากขอบข่ายการอภิปรายทั้ง 7 ประเด็นนั้น เรื่องใดที่สมาชิกแสดงความจำนงไว้มากที่สุด เสรีกล่าวว่า เป็นเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ความลำบากของประชาชน ที่รัฐบาลจะแก้ปัญหาด้วยการแจกเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นการแก้ผิดทาง 

 

ส่วนการประเมินภายหลังจาก สว. หมดวาระ ที่อาจมีแรงกระเพื่อมไปถึงขั้นเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น เสรีกล่าวว่า ก็อาจถูกมองได้ การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีมีการพูดกันมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว มีนายกรัฐมนตรี 2 คนบ้าง 3 คนบ้าง ตนก็ยังภาวนาให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันอยู่ให้ถึงวันที่ 25 มีนาคม ถ้าอยู่ก็จะได้อภิปรายกัน ถ้าเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีก่อนหน้าวันที่ 25 มีนาคม คณะรัฐมนตรีก็ต้องหมดไป การอภิปรายก็อาจจะสิ้นผลไป”

 

เสรีกล่าวต่อว่า การเมืองตอนนี้กระเพื่อมอยู่ทุกวัน เพราะประเด็นปัญหาในการบริหารประเทศมีเยอะ แต่รัฐบาลแก้อะไรที่เป็นรูปธรรมไม่ได้ สิ่งที่พูดมาเป็นเรื่องการชี้แจงที่สัมผัสไม่ได้ มีแต่พูดกันรายวัน แต่ไม่เห็นมีอะไรชัดเจน ที่ชัดเจนที่สุดตอนนี้คือสถิติไปต่างประเทศ เกือบ 200 วัน ซึ่งก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากว่า แทนที่จะเอาเวลามาบริหารประเทศ เอาเวลามาทำประโยชน์ให้กับประชาชน มาพูดคุย มาทำความเข้าใจให้กับสภา กลับทำให้เสียโอกาส เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์มากๆ ความน่าเชื่อถือก็จะเสื่อมลง เพราะไม่เห็นความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาประเทศ 

 

“ตรงนี้ก็อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีก็ได้ แต่ก็ต้องอยู่ที่คนที่มีกำลังในทางการเมืองเป็นคนตัดสินใจ เห็นอยู่แล้วว่าไม่ใช่นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเป็นคนตัดสินใจ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันอยู่ด้วยจมูกของคนอื่น เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับคนที่มีอำนาจจริงๆ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร” เสรีกล่าว

 

ส่วนจะต้องจำกัดขอบเขตไม่ให้อภิปรายถึงบุคคลภายนอกหรือไม่ เนื่องจากสมาชิกหลายคนอยากจะอภิปรายถึง ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสรีกล่าวว่า การพูดเรื่องเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อคนนอกด้วยซ้ำไป เพราะหลักการคือเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่เป็นหลักสำคัญของบ้านเมืองถูกกระบวนการทางการเมืองเข้าไปแทรกแซง และทำให้การใช้กฎหมาย การให้ความเป็นธรรมมีหลายมาตรฐาน พูดแค่นี้ก็เข้าใจ ก็มองเห็นแล้วว่าปัญหาของประเทศและกระบวนการยุติธรรมอยู่ตรงไหน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising