เพราะความต้องการด้านที่พักอาศัยในเขตเมืองกำลังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่พื้นที่สำหรับพักอาศัยกลับมีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะบริเวณใกล้เคียงกับระบบขนส่งมวลชนสาธารณะอย่างแนวเส้นทางรถไฟฟ้า คอนโดมิเนียมจึงกลายเป็นตัวเลือกสำคัญที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการ ทั้งรูปแบบที่พักอาศัยที่เน้นความสะดวกสบาย และรูปแบบการใช้ชีวิตที่รวดเร็วของคนเมือง
ท่ามกลางการแข่งขันของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เราเห็นโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ เกิดขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีกับผู้บริโภค เพราะทำให้มีตัวเลือกที่อยู่อาศัยมีมากขึ้น คอนโดมิเนียมที่สามารถตอบสนองความต้องการและสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ดีที่สุดจึงกลายเป็นปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคในปัจจุบันกำลังมองหา
คอนโดมิเนียมในโครงการของบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กำลังเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่น่าจับตามอง เพราะเกิดจากการร่วมลงทุนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระหว่างบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของประเทศไทย และบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์เปอร์เรชั่น ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น
ที่ผ่านมาเสนาได้ร่วมทุนกับทางฮันคิวฯ พัฒนาโครงการมาแล้วถึง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการนิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง และ โครงการนิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
และโครงการล่าสุด ปีติ เอกมัย (PITI Ekkamai) เป็นความร่วมมือที่ผสมผสานทั้งแนวความคิด หลักการ รวมถึงองค์ความรู้ในการสร้างคอนโดมิเนียมให้เป็นที่อยู่อาศัยบนปรัชญา Ikigai หรือแนวคิดการใช้ชีวิตของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีที่วางโจทย์ว่า ทำอย่างไรให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขในทุกวันที่ตื่นนอน เปลี่ยนคำว่า ‘พื้นที่อยู่อาศัย’ เป็น ‘พื้นที่ชีวิต’ ใส่องค์ประกอบความสุขในทุกรายละเอียดเล็กน้อยที่อยู่รายล้อมรอบตัว พื้นที่ทุกตารางนิ้วในโครงการออกแบบให้สอดคล้องและเกื้อหนุนกับการใช้ชีวิตตามแนวคิด Ikigai ได้มากที่สุด เพื่อทุกๆ โมเมนต์ของทุกวันเป็นการใช้ชีวิตที่มีความสุขและมีความหมาย
ล่าสุดทั้งสองบริษัทได้ลงนามประกาศความร่วมมือและร่วมลงทุนโครงการ คอนโดมิเนียมย่านบางนาเป็นที่เรียบร้อย ในพิธีมี ธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นผู้ลงนามฝั่งบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และส่วนผู้ลงนามฝั่งบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์เปอร์เรชั่น คือ ทสึเนะโอะ วาคาบายาซิ ประธานบริษัท และ มาซาฮิโกะ โทดะ ผู้จัดการทั่วไป
“การเซ็นสัญญาครั้งนี้ เป็นการร่วมลงทุนลำดับที่ 4 ต่อจากนิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง, นิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ และ ปีติ เอกมัย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองบริษัทอสังหาริมทรัพย์ โดยทางเสนาฯ ได้รับเกียรติเป็นอย่างสูงที่ท่านประธาน ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ ได้เดินทางมาลงนามด้วยตัวเอง” ผศ.ดร.เกษรา กล่าวถึงพิธีลงนาม
สำหรับบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์เปอร์เรชั่น หรือ HHP ได้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่นมามากกว่า 100 ปี ทำธุรกิจเกี่ยวกับการรถไฟ และครอบคลุมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รอบๆ ทางรถไฟด้วย โดยเมื่อ 2 ปีที่แล้วทาง HHP ได้วางแผนโครงการพัฒนาธุรกิจเพื่อสร้างความก้าวหน้าให้กับองค์กร ซึ่งทาง ทสึเนะโอะ วาคาบายาซิ ได้อธิบายว่า “ฮันคิวเรียลตี้ ได้ปรับโครงสร้างเป็น ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์เปอร์เรชั่น จากการรวมกลุ่มบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ 3 บริษัท เหตุผลเพราะต้องการเน้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากยิ่งขึ้น เพื่อการพัฒนาและขยายธุรกิจออกไปได้ จึงต้องเอาประสบการณ์ของทั้ง 3 บริษัทมารวมเป็นหนึ่งเดียว เกิดเป็นความแข็งแกร่งทางธุรกิจ
“รวมทั้งเราได้ประชุมกันภายในองค์กรเพื่อกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีนโยบายหลัก 2 ข้อ ได้แก่ มุ่งอัปเกรดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่โดยรอบเส้นทางรถไฟให้มีมูลค่าสูงขึ้น และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับทางรถไฟด้วย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ข้างๆ เส้นทางรถไฟ ทั้งในโตเกียวและภูมิภาคเอเชีย”
การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นอีกครั้งที่มีความสำคัญมาก นอกจากเงินทุนแล้ว ยังมีการแชร์หลักคิดและการทำงานระหว่างกัน เพราะบริษัททั้งสองแห่งต่างมีปรัชญาในการทำธุรกิจตรงกันคือ การให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งตอกย้ำความมั่นใจในการร่วมมือทางธุรกิจได้อย่างยาวนาน
“สิ่งที่ HHP มองว่าเป็นประเด็นสำคัญที่สุดก็คือการมีพาร์ตเนอร์ที่มีความคิดตรงกัน ตรงนี้ผมมองว่าสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด แล้วการที่ได้มาพบเจอกับเสนาฯ ถือเป็นเรื่องที่สวรรค์ประทานมาให้ กรุงเทพฯ เองก็เป็นเป้าหมายหลักในการลงทุนของ HHP เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่เราพัฒนาจะสามารถสร้างความปลื้มปีติแห่งการอยู่อาศัยให้กับคนไทยทุกคนได้” ทสึเนะโอะกล่าว
“การร่วมมือเป็นการเสริมศักยภาพด้านธุรกิจเสมอ ซึ่งประกอบด้วย 2 มิติ มิติแรกคือเงินที่ร่วมลงทุน มิติที่สองคือความรู้และนวัตกรรม ซึ่งทาง HHP เปิดกว้างให้เสนาฯ ได้ศึกษาเรียนรู้การทำธุรกิจ วิธีคิด วิธีการจัดการ ขณะเดียวกันทาง HHP ก็เรียนรู้หลักคิดจากเรา เป็นการแชร์กันอย่างรอบด้าน จากนั้นเราก็เลือกนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของคนไทย” ผศ.ดร.เกษรา กล่าวเสริม
องค์ความรู้ที่ทำให้รูปแบบที่อยู่อาศัยในโครงการคอนโดมิเนียมในความร่วมมือ เสนาฯ และ HHP มีความพิเศษเหนือคู่แข่งทางการตลาดก็คือ Geo Fit+ ซึ่งเป็นแนวคิดของ HHP เพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยมุ่งเน้นที่รายละเอียดและเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวว่า “เสนาฯ ได้รับการอุดหนุนเชิงความรู้จาก HHP อย่างต่อเนื่อง เราได้เข้าไปสังเกตการณ์ใน Geo Lab เป็นการทำโฟกัสกรุ๊ปเพื่อให้ได้ข้อเสนอแนะจากลูกค้าอย่างละเอียดที่มีต่อที่อยู่อาศัย แล้วนำไปแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนา เพื่อให้ได้ห้องที่ถูกใจลูกค้ามากที่สุด เป็นวิธีการที่ทำให้มั่นใจว่าตอบโจทย์ลูกค้าจริงๆ”
ส่วนทสึเนะโอะกล่าวสนับสนุนว่า “HHP มีความรู้ยังน้อยเรื่องรูปแบบการใช้ชีวิตของคนไทย ต้องเรียนรู้จากเสนาฯ ด้วยเช่นเดียวกัน เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่เราพัฒนาจะสามารถสร้างความปลื้มปีติแห่งการอยู่อาศัยให้กับคนไทยทุกคนได้”
ด้านการลงทุน ทั้งสองบริษัทได้ประมาณความเป็นไปได้ว่า ภายในปี 2561 จะร่วมลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์รวมทั้งสิ้น 7 โครงการ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบมูลค่าการลงทุนของ HHP ระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบว่า ประเทศไทยมีมูลค่าการลงทุนสูงสุด และมีแนวโน้มขยายการลงทุนต่อไปอีกด้วย
“ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตค่อนข้างสูง ที่ผ่านมา GDP เติบโตเฉลี่ยขึ้นประมาณ 4% อีกประเด็นหนึ่งซึ่งค่อนข้างสำคัญคือ คนไทยมีความรู้สึกที่ดีกับประเทศญี่ปุ่นมาก สังเกตได้จากอัตราการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่ไปท่องเที่ยวในญี่ปุ่น โดยเฉพาะเมืองโอซาก้าที่ผมอยู่
“ในประเทศญี่ปุ่น HHP เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งในภูมิภาคคันไซ และยังลงทุนในเมืองใหญ่ๆ ด้วย โดยเฉพาะโตเกียว รวมทั้งหมดมียอดขายทั้งปีทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศที่ร่วมลงทุน ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเชีย ไทย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ เป็นจำนวนเงิน 760,000 ล้านเยน หรือประมาณ 227,000 ล้านบาท ความสำเร็จตรงนี้ยิ่งทำให้ HHP มั่นใจในการร่วมลงทุน
“นอกจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว สิ่งหนึ่งที่ HHP ให้ความสำคัญมากคือ International Logistic เรามองว่า กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่มีขนาดใหญ่มากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้ามีโอกาสในอนาคตก็จะเริ่มทำธุรกิจตรงนี้ด้วย ซึ่งต้องศึกษารายละเอียดต่อไป” ทสึเนะโอะให้ข้อมูลเชิงลึกด้านการลงทุน
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นมีปัญหาประชากรน้อยลง ทำให้ปริมาณการบริโภคไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่บริษัทขนาดใหญ่ก็ต้องรักษามูลค่าทางธุรกิจไว้ ทางออกของข้อจำกัดนี้คือลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นเองก็ส่งเสริมให้ลงทุนในต่างประเทศ
“สำหรับเสนาฯ เริ่มแรกมีรายได้ต่อปี 300 ล้านบาท หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว รายได้ต่อปีเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท และช่วงระยะเวลา 2-3 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาท เป็นผลจากการดำเนินธุรกิจของเรา และจากความร่วมมือด้วย ต้องบอกว่าเสนาฯ ได้ HHP เข้ามาเป็นพลังงานที่ดี ซึ่งร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจ ภายในปี 2563 เราคาดการณ์ว่าขนาดของธุรกิจและรายได้จะขยายขึ้นอีก 100% และมีรายได้ถึง 10,000 ล้านบาท”
ความพร้อมทางความร่วมมือของเสนาฯ และ HHP ครอบคลุมทั้งเงินทุนและหลักการทำงาน ก่อให้เกิดโครงการใหม่ๆ พร้อมให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตในแบบที่ใช่และสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งทำเล สไตล์ห้อง สิ่งอำนวยความสะดวก และการตกแต่งภายใน ทั้งหมดนี้ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงผู้อยู่อาศัยในทุกรายละเอียด
“การมีหลักคิดที่ตรงกันตั้งแต่เริ่มแรก ทำให้เราเข้าใจทิศทางการดำเนินธุรกิจ และมีเป้าหมายที่ตรงกันชัดเจน เรียกว่าเป็นความร่วมมือเชิงความสัมพันธ์ระหว่างสองบริษัทในการพัฒนาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่อาศัย โดยมีปรัชญาเรื่องลูกค้าเป็นความสำคัญในการทำธุรกิจ
“นอกจากเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้โครงการแล้ว ยังเป็นการสร้างความเป็นไปได้ในอนาคตต่อๆ ไปด้วย” ทสึเนะโอะกล่าวปิดท้าย
สัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตและอยู่อาศัยที่เหนือกว่า ภายใต้โครงการคอนโดมิเนียมในความร่วมมือของเสนาฯ และ HHP โครงการใหม่ล่าสุด ปีติ เอกมัย ผ่านประสบการณ์ใหม่บน SENA Online Booking ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์จองก่อนใครตั้งแต่วันนี้จนถึง 2 สิงหาคม 2561 พร้อมเปิดจองจริงวันที่ 2 สิงหาคมนี้ ตั้งแต่เที่ยงวันถึง 22.00 น. ที่ www.onlinebooking.sena.co.th สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1775
Geo Fit+ แนวคิดเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดดเด่นด้วยการใส่ใจในรายละเอียดและเข้าใจความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างลึกซึ้ง ประกอบด้วย 4 มิติ
- Geo Days พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองทุกความต้องการในชีวิตประจำวัน
- Geo Eco พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- Geo Age ออกแบบที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับทุกช่วงอายุเพื่อการใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย
- Geo Sonae พัฒนาระบบเพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุดกับผู้อยู่อาศัย