×

Sex Education: ผู้ชายควรหลั่งน้ำอสุจิมากครั้งแค่ไหน

25.01.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • เคยมีผลวิจัยชิ้นหนึ่งบอกว่าผู้ชายควรหลั่งน้ำอสุจิเดือนละ 21 ครั้ง แต่คำถามคือนี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า และการหลั่งถึงเดือนละ 21 ครั้งไม่มากเกินไปหรือไม่น้อยเกินไป (สำหรับบางคน) ใช่ไหม
  • การศึกษานี้พบว่ายิ่งหลั่งมากครั้งจะยิ่งมีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าคนที่หลั่งไม่กี่ครั้ง แต่ก็มีคนโต้แย้งอยู่ดีว่าการศึกษาที่ว่าเป็นการรายงานผลโดยคนที่อยู่ในโครงการเอง ดังนั้นการประเมินจำนวนการหลั่งจึงอาจคลาดเคลื่อน
  • ถ้าการหลั่งกับมะเร็งต่อมลูกหมากยังไม่มีข้อสรุปเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แล้วการหลั่งน้ำอสุจิมันมีประโยชน์อื่นๆ อีกไหม

เคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘ผู้ชายควรหลั่งน้ำอสุจิ (ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม) เดือนละ 21 ครั้ง’ ไหมครับ

 

ว่ากันว่าการได้หลั่งน้ำอสุจิบ่อยๆ จะช่วยป้องกันหรือลดอัตราการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้

 

แต่อย่างแรกก็คือนี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า และการหลั่งถึงเดือนละ 21 ครั้งไม่มากเกินไปหรือ (แต่ในบางคนก็อาจจะถามตรงข้ามว่าไม่ ‘น้อย’ ไปหน่อยหรือก็ได้)

 

ที่จริงคำพูดนี้มีที่มาจากงานวิจัยหนึ่งนะครับ เป็นงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร European Urology ซึ่งเป็นวารสารเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ (ซึ่งก็รวมไปถึงระบบสืบพันธุ์ด้วยนั่นแหละ) โดยตีพิมพ์เมื่อปลายปี 2016 แล้วถูกสื่อเอาไปพาดหัวใหญ่โตประมาณว่า ‘หลั่งเดือนละ 21 ครั้ง ช่วยให้ห่างไกลจากหมอ’ (ฟังดูคล้ายๆ กินแอปเปิ้ลวันละผลจะทำให้ไม่ต้องไปพบหมอมากนั่นแหละครับ)

 

การศึกษานี้ทำในผู้ชาย 31,925 คน ซึ่งถือว่าเยอะมากเลยนะครับ โดยเริ่มศึกษากันมาต้ังแต่ปี 1992 โน่นแล้ว โดยถามผู้คนว่าแต่ละคนมีการหลั่งเดือนละกี่ครั้ง จากนั้นก็ติดตามผลต่อเนื่องมาจนถึงปี 2010 หรือเกือบ 20 ปีถัดมาว่ามีใครบ้างที่ป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ปรากฏว่าในจำนวนนี้มีอยู่ 3,839 คนที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก

 

ผลการศึกษานี้ยังบอกด้วยว่าความถี่ของการหลั่งน้ำอสุจิในวัย 40-49 ปีนั้นสัมพันธ์กับการวัดค่าทางร่างกายหลายเรื่อง เช่น ค่าดัชนีมวลกาย กิจกรรมทางร่างกาย (เช่น การออกกำลังกาย) รวมไปถึงชีวิตทางสังคมด้วย เช่น การหย่าร้าง ประวัติการติดเชื้อที่ติดต่อได้ และการกินอาหารที่มีแคลอรีและแอลกอฮอล์สูง ซึ่งก็คงเดาได้ใช่ไหมครับว่าคนที่หลั่งน้อยจะมีปัญหาต่างๆ ทางสุขภาพมากกว่า

 

การศึกษานี้พบว่าคนที่อยู่ในวัย 20 ปี ถ้ามีการหลั่งเดือนละ 21 ครั้งขึ้นไปจะมีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าคนที่หลั่งแค่เดือนละ 7 ครั้งหรือน้อยกว่านั้นถึง 19% แล้วยิ่งถ้าเป็นคนที่อยู่ในวัย 40 ตัวเลขที่ว่าก็ยิ่งขยับขึ้นไปอีกเป็น 22% นั่นแปลว่ายิ่งหลั่งมากครั้งก็น่าจะยิ่งดี

 

แต่คำถามก็คือมันง่ายอย่างนั้นเลยหรือ แค่หลั่งเยอะๆ ก็ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้แล้ว

 

แน่นอน คำตอบก็คือมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก เพราะก็ยังมีคนโต้แย้งอยู่ดีว่าการศึกษาที่ว่าเป็นการรายงานผลโดยคนที่อยู่ในโครงการเอง ไม่ใช่การรวบรวมข้อมูลที่ได้จากห้องปฏิบัติการที่มีการควบคุม ดังนั้นการประเมินจำนวนการหลั่งจึงอาจคลาดเคลื่อนได้

 

แปลว่าผลสรุปที่ได้อาจจะไม่แม่นยำสมบูรณ์แบบนัก เพราะคนเราอาจจะจำอะไรๆ ไม่ได้ทั้งหมด ถ้าลืมจดก็อาจให้ข้อมูลตัวเลขที่ผิดพลาดได้ โดยเฉพาะในยุคที่ยังไม่มี Wearable Device คอยติดตามตัวเอาไว้เก็บข้อมูลต่างๆ เหมือนในทุกวันนี้

 

นอกจากนี้คนที่ให้ข้อมูลก็อาจรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่จะบอกอะไรตรงๆ โดยเฉพาะข้อมูลเรื่องเพศ (เช่น บางคนอาจจะหลั่งเป็นร้อยครั้งก็ได้ แต่ไม่อยากถูกใครมองว่ามีปัญหา ก็เลยให้ตัวเลขเฉลี่ยๆ ออกมา เป็นต้น)

 

ที่สำคัญ เคยมีการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งซึ่งตีพิมพ์ในปี 2004 ที่บอกว่าไม่มีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างการหลั่งน้ำอสุจิกับความเสี่ยงเรื่องมะเร็งต่อมลูกหมาก เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ได้คำตอบกันจริงๆ ก็ต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อไป ซึ่งตอนนี้ก็กำลังมีการศึกษากันอยู่

 

เอาล่ะ ถ้าการหลั่งกับมะเร็งต่อมลูกหมากยังไม่มีข้อสรุปเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แล้วการหลั่งน้ำอสุจิมันมีประโยชน์อื่นๆ อีกไหม (นอกจากทำให้สบายเนื้อสบายตัวแล้วนะครับ)

 

คำตอบก็คือยังไม่มีงานวิจัยอะไรที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างการหลั่งน้ำอสุจิกับประโยชน์เฉพาะด้าน แต่กระนั้นการตื่นตัวในทางเพศ ไม่ว่าจะเกิดเพราะมีคนอื่นมาร่วมกิจกรรมด้วยหรือกระทั่งตื่นตัวด้วยตัวเอง (คือการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง) ก็ทำให้ระดับของฮอร์โมนอย่างออกซิโทซินและโดพามีนเพิ่มสูงขึ้นได้

 

ออกซิโทซินนั้นเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับอารมณ์ด้านบวก ทำให้เกิดความผ่อนคลาย สบายๆ โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ใกล้ชิดกับคนอื่น จริงๆ แล้วเป็นฮอร์โมนที่ค้นพบว่าหลั่งออกมาระหว่างแม่ให้นมลูก ทำให้เกิดความรู้สึกสบายใจและลดความเครียดได้ ส่วนโดพามีนก็เป็นฮอร์โมนที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกดี มีความสุข และอาจเพิ่มแรงขับเคลื่อนในตัวได้ นั่นแปลว่าฮอร์โมนทั้งสองตัวนี้ล้วนทำให้เกิดผลดีต่อร่างกายทั้งคู่ ที่สำคัญก็คือยังสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้ด้วย หรืออย่างเบาะๆ ก็จะทำให้ผู้ชายหลับได้ง่ายขึ้น หลายคนจึงทำกิจกรรมนี้กันก่อนนอน

 

อย่างไรก็ตาม อาจยังมีหลายคนสงสัยว่าแล้วเราควรจะหลั่งน้ำอสุจิกันบ่อยครั้งขนาดนั้นเลยหรือ โดยเฉพาะคนที่อาจเชื่อแนวคิดโบราณในทางตะวันออก เช่น ลัทธิเต๋าที่สอนถึงวิธีควบคุมน้ำอสุจิ ซึ่งลึกล้ำถึงขั้นทำให้บรรลุจุดสุดยอดได้โดยไม่หลั่งหรือหลั่งน้อยที่สุด

 

อาจารย์ในทางเต๋าจะสอนว่า เวลาหลั่งให้หลั่งน้ำอสุจิออกมาแค่ 20-30% เท่านั้น อย่าหลั่งออกมาหมด หรือถ้าไม่หลั่งเลยได้ก็ยิ่งดี หรือไม่ก็กระตุ้นเร้าตัวเองในทางเพศ (ไม่ว่าจะกับคนอื่นหรือด้วยตัวเองล้วนๆ) จนใกล้จะถึงจุดสุดยอด แต่ไม่หลั่ง

 

เพราะเต๋าเชื่อว่าน้ำอสุจิคือพลังงานสำคัญ การหลั่งออกมาเท่ากับทำให้สูญเสียพลังงานนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่หลักการบรรลุจุดสุดยอดโดยไม่หลั่งน้ำอสุจินั้นไม่ได้ทำกันได้ทุกคน เพราะฉะนั้นวิธีที่ง่ายกว่าก็คือการสอนให้หลั่งน้ำอสุจิน้อยที่สุด เพื่อที่พลังงานจะได้ไม่สูญเสีย แล้วย้อนกลับไปสู่สมองเพื่อเป็นพลังงานของสมอง

 

ในทางวิทยาศาสตร์ วงจรชีวิตของอสุจินั้นกินเวลาราวๆ 72 วัน เรียกว่า Spermatogenesis ซึ่งอสุจิที่เกิดในอัณฑะนั้นจะต้องเดินทางผ่านท่อเล็กๆ ที่ขดอยู่ในอัณฑะ ท่อที่ว่านี้ยาวได้ถึง 25 ฟุต แล้วอสุจิก็ค่อยๆ มีพัฒนาการจนเต็มที่ จากนั้นก็พร้อมปล่อยออกมาเป็นน้ำอสุจิฉีดพุ่งออกมานอกร่างกาย

 

เมื่อมีการหลั่ง 1 ครั้ง ร่างกายต้องใช้เวลา 2 วันในการเติมเต็มทั้งอสุจิ (Sperm) และน้ำอสุจิ (Semen) ที่พร่องไป ดังนั้นถ้าหลั่งซ้ำๆ วันละหลายๆ ครั้ง ปริมาณน้ำอสุจิก็จะน้อยลงและใสขึ้นเรื่อยๆ

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณหลั่งน้ำอสุจิบ่อยๆ ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้มีผลร้ายอะไรต่อร่างกาย เว้นเสียแต่จะบ่อยมาก เช่น ติดต่อกันโดยไม่พักเลยเป็นสิบครั้ง หรือมีการร่วมเพศหรือสำเร็จความใคร่ด้วยวิธีที่พิสดารจนทำให้เกิดแผลถลอกหรืออะไรทำนองนั้น

 

นอกจากนั้นแล้วก็อาจทำให้มีอสุจิน้อย ถ้าคุณอยากมีลูกก็อาจมีลูกได้ยากหน่อย ดังนั้นถ้าคุณกำลังอยากมีลูก ในทางวิทยาศาสตร์ก็แนะนำให้คุณปล่อยอสุจิตัวดีออกมาราวๆ 2-3 วันครั้ง คือรอให้เกิดการสร้างอสุจิเต็มที่เสียก่อนนั่นเอง

 

แล้วถ้าเราไม่ได้หลั่งน้ำอสุจิเลยเป็นเวลานานๆ จะเป็นอย่างไร

 

คำตอบก็คือไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอีกนะครับ เพราะถ้าอสุจิไม่ได้ปล่อยออกมาภายนอก ในที่สุดมันก็จะตายแล้วก็ถูกดูดซึมกลับเข้าไปสู่ร่างกายของเราเอง

 

อสุจิที่พัฒนาเต็มที่แล้วจะมีอายุอยู่ได้ราว 2-3 สัปดาห์ภายในอัณฑะ แต่อสุจิก็เหมือนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ คือถ้ามันแก่ตัวลงก็จะยิ่งเคลื่อนไหวได้เชื่องช้าลงด้วย ดังนั้นถ้าคุณอยากมีลูก การกักเก็บอสุจิเอาไว้นานเกินไป ไม่ยอมปล่อยออกมา (ถ้าไม่ฝันเปียกไปเสียก่อนนะครับ) ก็อาจไม่เป็นผลดีเท่าไรนัก เพราะอาจมีแต่อสุจิแก่ๆ ที่เคลื่อนที่ช้าเต็มไปหมดก็ได้ ดังนั้นคำแนะนำก็คือควร ‘ทำความสะอาดท่อ’ อย่างน้อยก็ราวๆ สัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้อสุจิของคุณสุขภาพดีอยู่เสมอ

 

แต่กระนั้นความสามารถในการหลั่งน้ำอสุจิก็บอกถึงสุขภาพของผู้ชายได้หลายเรื่องนะครับ เพราะถ้าเรามีปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าจะเรื่องของวัยหรือความเจ็บป่วย การหลั่งน้ำอสุจิจะกลายเป็นเรื่องยากขึ้นมาทันที ดังนั้นคำแนะนำหนึ่งก็คือให้ลองลูบๆ คลำๆ ถามไถ่เจ้าหนูน้อยของคุณดูบ้างว่ามันยังสบายดีอยู่หรือเปล่า ถ้ามันผงกหัวขึ้นมาทักทายคุณในเวลาที่ต้องการ และคุณสามารถพามันไปไกลถึงขั้นหลั่งน้ำอสุจิออกมาได้ ก็แปลว่าสุขภาพของคุณยังใช้การได้อยู่นั่นแหละครับ

 

ส่วนเรื่องความถี่นั้นคงต้องบอกว่าตัวใครตัวมัน ใครใคร่ค้าช้างค้า ใครใคร่ค้าม้าค้า ได้เลยครับ

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising