×

ปิยบุตร ชี้ กมธ. ต้องศึกษาอำนาจ คสช.-ม.44 ยุติวัฒนธรรม ‘พ้นผิดลอยนวล’

โดย THE STANDARD TEAM
27.11.2019
  • LOADING...
ปิยบุตร แสงกนกกุล

วันนี้ (27 พฤศจิกายน) ปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงสรุปในฐานะผู้เสนอญัตติ ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจของ คสช. การออกคำสั่งของและการใช้มาตรา 44 ของ คสช. 

 

โดยระบุว่า การตั้ง กมธ. วิสามัญชุดนี้เพื่อศึกษาการใช้อำนาจของ คสช. ว่ามีผลอย่างไร และถ้าเห็นว่าจำเป็นต้องศึกษาประกาศคำสั่งคณะรัฐประหารอื่นๆ ด้วยก็ไม่ขัด ซึ่ง กมธ. ที่จะเกิดขึ้นไม่อาจบังคับสั่งรัฐบาลได้ ไม่อาจดำเนินคดี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานหัวหน้าคณะรัฐประหารได้ เราแค่ศึกษาทำรายงานเสนอสภาและผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินงาน

 

สำหรับหลายความเห็นที่บอกว่า ไม่มีความจำเป็นต้องตั้ง เพราะมี กมธ. สามัญอยู่แล้ว โดยเฉพาะชุดที่ตนเป็นประธานคือ กมธ. กฎหมายฯ แต่ก็มีเพียง 15 ท่าน นอกจากนี้ ส.ส. ก็ไม่ครบทุกพรรค ดังนั้นถ้าตั้ง กมธ. วิสามัญศึกษา จะเป็นการเปิดโอกาสให้แต่ละพรรคเข้ามาร่วมด้วย อย่างน้อย 37คน หรืออย่างมาก 49 คน รวมทั้งจะได้เชิญคนนอก ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญได้มาร่วมศึกษาได้ด้วย

 

“ถ้ามีการตั้ง กมธ. ขึ้น เราจะได้ศึกษาพวกประกาศคำสั่ง คสช. หลายเรื่องที่ดี หลายเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องออกตอนนั้น หลายเรื่องมีบุคคลที่สุจริตได้ประโยชน์ ซึ่งถ้ามีฉบับไหนดีก็ให้ใช้ต่อ เพียงแต่ศึกษาเพื่อเปลี่ยนให้เป็น พ.ร.บ. ไม่ใช่ยังเป็นประกาศคำสั่ง คสช. ที่อยู่ในระบบกฎหมาย สำหรับในส่วนที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ขัดความยุติธรรมอย่างร้ายแรงก็ยกเลิก ส่วนที่ยกเลิกแล้วผลร้ายยังดำรงอยู่ ก็ควรหามาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งเราจะสามารถรับฟังความคิดเห็นในวงกว้างขึ้น ตามโควตา ส.ส. มีข้อเสนอให้หน่วยงานดำเนินการต่อไป”

 

นอกจากนี้ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมามีการอภิปรายว่า ประกาศคำสั่ง คสช. มีการยกเลิกหลายฉบับ หลงเหลือเพียงนิดเดียว ซึ่งจริง แต่ก็มีอีกหลายฉบับที่ยังไม่ยกเลิก และพรรคอนาคตใหม่ได้เสนอร่าง พ.ร.บ. ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีคำสั่งที่มีเงื่อนแง่ปม เช่น ยกเลิกแล้ว แต่ที่ผ่านมามีผลร้ายเกิดขึ้นเรียบร้อย เช่น การปลดองค์กรอิสระ การละเมิดเสรีภาพประชาชน หรือหลายเรื่องมีบุคคลจำนวนมากถูกดำเนินคดีอยู่คือ ยังถูกผลพวงคำสั่งนั้นอยู่ หรือที่เลิกแบบมีเงื่อนไข เช่น เกี่ยวกับประมง ยกเลิกแล้ว แต่จะมีผลต่อเมื่อกองทัพเรือทำแผนเกี่ยวกับการประมงแล้วเสร็จ หรือยกเลิกบางข้อ เช่น ให้เลิก 3/58 เพียงข้อ 12 ห้ามชุมนุมการเมือง 5 คน แต่ก็ยังให้อำนาจพนักงาน เจ้าหน้าที่ ทหาร มีส่วนร่วมสืบสวนสอบสวน ดังนั้นถ้าให้เหตุผลว่า คสช. หายไปแล้ว ประกาศสิ้นไปแล้ว ยังไม่เพียงพอ เพราะยังมีผลพวงและผลร้ายจากประกาศคำสั่งยังอยู่ต่อเนื่อง

 

“การตั้ง กมธ. ศึกษาเรื่องนี้ จะแสดงออกถึงการจัดการความคิด ความเชื่อ ที่ผมขอเรียกว่าเป็นอวัฒนธรรมอย่างการพ้นผิดลอยนวล วิธีคิดที่บอกว่าเรื่องเกิดแล้ว ให้จบอย่ารื้อฟื้น วิธีคิดว่าเดินหน้าสู่ปรองดอง ให้เลิกแล้วต่อกัน แม้เรื่องนั้นกระทำผิดกฎหมายสูงสุดคือกระทำต่อรัฐธรรมนูญ ถ้าคิดอย่างนี้คนตั้งใจจะทำผิด คนที่ตั้งใจจะทำรัฐประหารอีกก็ย่ามใจ และทำอีกเรื่อยๆ จากนั้นก็ตั้งตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ อภัยโทษตัวเอง ไม่ต้องรับผิด วิธีคิดแบบนี้ทำให้วงจรอุบาทว์อยู่ต่อไป ทั้งนี้หลายประเทศที่ผ่านรัฐประหารบ่อยครั้ง แต่วันนี้ไม่มีแล้วอย่างตุรกี กรีซ เกาหลีใต้ อาร์เจนตินา เหตุที่จัดการรัฐประหารไม่ให้เกิดขึ้นอีกได้ เพราะเขายอมไม่ให้มีวัฒนธรรมลอยนวลเกิดขึ้น ใครทำผิดต้องนำมาสอบสวน อย่างน้อยที่สุดก็มีรายงานศึกษาออกมาเป็นบทเรียน” ปิยบุตรกล่าว 

 

อย่างไรก็ตาม ปิยบุตรกล่าวทิ้งท้ายว่า นี่เป็นหมุดหมายสำคัญยิ่งของสภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐประหารครองอำนาจมา 5 ปี เราไม่มีอำนาจ ประชาชนไม่มีปากเสียง คสช. ละเมิดสิทธิเสรีภาพหลากหลายแวดวง วันนี้มีการเลือกตั้งแล้ว เริ่มทยอยกลับสู่สภาวะปกติ แต่อย่างน้อยที่สุดเรามีสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้เป็นสภาชุดแรกที่มาจากการเลือกตั้งหลังรัฐประหาร รับมอบอำนาจจากประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุด จึงมองไม่เห็นเหตุผลที่จะไม่ใช้อำนาจแทนราษฎร เพื่อเริ่มต้นจัดการมรดกบาป คสช. หากสภาแห่งนี้นิ่งเฉย ปล่อยผ่านไป เราจะเอาหน้าไปไว้ไหนเมื่อพบปะกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการใช้อำนาจ คสช. หรือเวลาส่องกระจกมองตัวเอง เราซึ่งเป็นผู้เดือนร้อนจากคณะรัฐประหาร โดนจับปรับทัศนคติ เรียกรายงานตัว แต่วันนี้เมื่อมีอำนาจแล้ว ไม่กล้าทำอะไรเลย แม้แต่ลงมติให้มีการตั้ง กมธ. เพื่อศึกษาเรื่องนี้ และถ้าวันหน้ามีการรัฐประหารเกิดอีกเรายอม ไม่ทำอะไร ก็จะวนเวียนอย่างนี้เรื่อยไปอีก

 

“ส.ส. มีอาชีพได้ รับเงินเดือนได้ เพราะประชาชนเลือกมา ภารกิจของเราคือเอาเสียง เอาความต้องการประชาชนมาแปลงให้เกิดขึ้นในสภา เราคือผู้แทนราษฎร เราไม่ใช่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาคณะรัฐประหาร นี่คือช่วงเวลาประวัติศาสตร์การเมืองไทย รัฐสภาไทยจะบันทึกว่า ห้วงยามอำนาจกลับมาเป็นของประชาชน ประชาชนเลือกผู้แทนมาแล้ว อยู่ที่ ส.ส. จะลงมติอย่างไร จะให้สภาเริ่มต้นทบทวนการใช้อำนาจ คสช. หรือสยบยอมการใช้อำนาจ คสช. และในวันหน้า เมื่อมีรัฐประหารอีกท่านจะพูดกับประชาชนอย่างไร จะพูดกับลูกหลานอย่างไร ถ้าวันหนึ่งเขาได้มาเปิดบันทึกการลงมตินี้เห็นท่านสยบยอม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่เรื่องนี้คือการทำหน้าที่ของ ส.ส. เรามาจากการเลือกตั้งของประชาชน ขอให้ใช้อำนาจเพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจ คสช.” ปิยบุตรกล่าว

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising