×

‘ก.ล.ต.-ตลาดหลักทรัพย์ฯ’ ไม่ปรับเกณฑ์ Short Selling ยันไม่ใช่ตัวการทำหุ้นไทยร่วงหนักกว่าตลาดอื่น และไม่พบการทำ Naked Short

10.11.2023
  • LOADING...
ก.ล.ต.-ตลาดหลักทรัพย์ฯ

วานนี้ (9 พฤศจิกายน) พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมแถลงและเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมขายชอร์ต (Short Selling) ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทย รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Algo Trading เพื่อช่วยในการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ 

 

จากการตรวจสอบและพิจารณาข้อมูลโดย ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า การซื้อ-ขายหลักทรัพย์ที่เกิดจาก Short Selling รวมทั้งการใช้ Algo Trading ของนักลงทุนบางกลุ่ม ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงกว่าตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ และยืนยันว่าไม่พบการทำ Naked Short Selling หรือการที่นักลงทุนขายหุ้นโดยไม่ได้เตรียมหุ้นไว้ก่อน หรือยืมหุ้นมาไว้ก่อน ซึ่งเป็นธุรกรรมที่ผิดกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 

 

หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยเป็นขาลงต่อเนื่อง จนดัชนี SET ติดลบราว 15% ในปีนี้ ทำให้เกิดคำถามในแวดวงการลงทุนขึ้นมาว่า เป็นผลจากการ Short Selling, Naked Short Selling หรือการใช้ Algo Trading หรือไม่ 

 

พรอนงค์กล่าวว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นล่าสุดเกี่ยวกับการ Short Selling คือ เกาหลีใต้ประกาศสั่งห้าม Short Selling ชั่วคราว ในรายละเอียดจะเห็นว่าเป็นการสั่งห้ามเพื่อใช้เวลาในการสอบทานเกี่ยวกับการทำ Naked Short Selling ที่ผิดกฎหมาย แต่ในส่วนของเราไม่จำเป็นต้องสั่งห้าม เพราะมีการสอบทานในเรื่องนี้อยู่แล้ว 

 

“โดยปกติหากการทำ Short Selling ไปชี้นำราคาหรือทุบหุ้น จะมีการกำกับดูแลในส่วนนี้อยู่แล้ว และจากงานวิจัยก่อนหน้านี้จะเห็นว่า การทำ Short Selling มีความสัมพันธ์น้อยมากกับการที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมาก”

 

ขณะที่การใช้ Algo Trading หรือการใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการส่งคำสั่งซื้อ-ขายโดยอัตโนมัติ เป็นสิ่งที่เพิ่มขึ้นในตลาดหุ้นไทย ปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 35% ของมูลค่าซื้อ-ขายทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่แล้ว Algo Trading ประมาณ 90% ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยให้การส่งคำสั่งซื้อ-ขายมีประสิทธิภาพมากขึ้น มากกว่าการใช้เพื่อวางกลยุทธ์ทำกำไร

 

“วันนี้เรามาให้ความมั่นใจด้วยข้อมูล เราไม่อยากให้การไหลของเงินลงทุนมาจาก Sentiment ที่ไม่เหมาะสม เช่น ข่าวลือ หรือการพูดเพื่อให้เกิดกรอบแนวคิดที่ผิดไปจากความเป็นจริง การจะบอกว่า Short Selling ทำให้ราคาหุ้นโดนทุบ หรือฝรั่งใช้ Algo Trading ทุบตลาด มีหลักฐานอะไรมาสนับสนุนความเชื่อเหล่านี้หรือไม่ ขณะเดียวกัน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดเผยข้อมูลในมือมากขึ้น”

 

ภากรกล่าวว่า ปัจจุบันมูลค่าของการ Short Selling ไม่ได้เพิ่มขึ้น แม้จะมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อ-ขายรวมที่เพิ่มขึ้น สาเหตุที่สัดส่วนเพิ่มขึ้นนั้นเพราะมูลค่าการซื้อ-ขายในตลาดลดลงไปประมาณ 30% 

 

ส่วนการปรับเกณฑ์เกี่ยวกับ Short Selling เช่น การปรับมาใช้ Uptick Rule หรือการกำหนดให้ขายชอร์ตได้ที่ราคาสูงกว่าราคาซื้อ-ขายสุดท้าย อย่างที่เคยนำมาใช้ในช่วงโควิด การใช้มาตรการดังกล่าวจะต้องมีเหตุผลเพียงพอ ไม่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของตลาดทุนในช่วงสั้นๆ ได้ เว้นแต่ว่าจะมีเหตุการณ์ที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเข้ามากระทบต่อตลาด

 

มีอีกความเชื่อหนึ่งว่า การซื้อ-ขายที่เรียกว่า High-Frequency Trading (HFT) ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างมาก แท้จริงแล้ว HFT มีสัดส่วนเพียง 10% ของมูลค่าการซื้อ-ขายทั้งหมด ขณะที่ Program Trading ที่ไม่ใช่ HFT มีสัดส่วนราว 24% เพราะฉะนั้นไม่สามารถพูดได้ว่าสัดส่วน 10% สามารถควบคุมตลาดได้

 

นอกจากนี้ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการผิดนัดชำระหนี้ของหุ้น JKN จนนำไปสู่การยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ภากรมองว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะบริษัท และยังคิดว่าความเสี่ยงจะลุกลาม อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น สภาพคล่องน้อยลง นักลงทุนมีทางเลือกอื่นๆ มากขึ้น ทำให้การระดมทุนในปัจจุบันอาจจะยากขึ้นกว่าช่วงดอกเบี้ยต่ำและสภาพคล่องสูง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising