หลายครั้งเมื่อเราพูดถึงอาหารจากพืช (Plant-Based) เชื่อว่าสิ่งแรกที่ขึ้นมาในหัวคือ สลัด ผัก ธัญพืช หรือแม้แต่เนื้อสัตว์ทดแทน แต่ในปี 2022 มีอีกสิ่งหนึ่งที่จัดว่าเป็นอาหารจากพืช และเป็นอาหารที่มีโภชนาการสูงมาก นั่นคือ ‘สาหร่ายทะเล (Seaweed)’
สาหร่ายที่มีลักษณะเป็นใบหยิกงอ สีเขียวแกมน้ำตาล สามารถพบเจอได้ตามทะเล คนส่วนใหญ่นิยมสั่งเพิ่มเวลาไปกินราเมน หรือใช้ห่อซูชิโรล จัดเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุดเลยก็ว่าได้ ซึ่งสาหร่ายก็มีหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น วากาเมะ (Wakame), คอมบุ (Kombu), สาหร่ายแดง (Red Dulse) และสาหร่ายเคลป์ (Sugar Kelp)
ซึ่งในแต่ละสายพันธุ์ก็ให้คุณประโยชน์ที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นสาหร่ายสีเขียว สีน้ำตาล และสีแดง แต่สิ่งที่มีเหมือนกันหลักๆ เลยคือ วิตามิน B, C, E และ K รวมไปถึงกรดไขมันโอเมก้า 3, โปรตีน, กรดอะมิโน, โพลีฟีนอล และแร่ธาตุมากกว่า 10 เท่า
อย่างที่ทราบกันดีว่าสาหร่ายเป็นพืชที่อาศัยอยู่ใต้ทะเล ซึ่งถือเป็นแหล่งรวมสารอาหารและแร่ธาตุมากมาย รวมถึงตัวสาหร่ายเองยังมีความสามารถในการช่วยขจัดสิ่งสกปรก และช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ในท้องทะเล เมื่อพวกมันขึ้นมาจากน้ำก็สามารถนำสารอาหารและแร่ธาตุดังกล่าวขึ้นตามมาด้วย
Sarah Redmond ผู้ก่อตั้งและเจ้าของ Springtide Seaweed แห่งเมืองโกลด์สโบโร รัฐเมน กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าผู้คนจำนวนมากจะหันมาบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น แต่อาหารหรือพืชผักส่วนใหญ่ที่เลือกกินล้วนมาจากพืชบนบก ซึ่งสาหร่ายเองนับเป็นพืชที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะพวกมันให้สารอาหารที่หายาก ชนิดที่ว่าพืชบกบางตัวยังให้ไม่ได้” สำหรับมนุษย์แล้ว สาหร่ายถือเป็นแหล่งรวมสารอาหารที่ร่างกายต้องการไว้เป็นจำนวนมาก
แต่หากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปก็ส่งผลเสียแก่ร่างกายไม่แพ้กัน เช่น สาหร่ายสีน้ำตาลบางชนิดที่ปลูกในนิวอิงแลนด์ พวกมันจะมีไอโอดีนในปริมาณที่สูงมาก เรื่องนี้ Mary Ellen Camire ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการของมนุษย์ที่ University of Maine แนะนำว่า ไม่ควรบริโภคสาหร่ายชนิดนี้เกินกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เนื่องจากความเข้มข้นของไอโอดีนในสาหร่ายจะโต้ตอบกับยาชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะคนที่มีภาวะไทรอยด์หรือต้องกินยาละลายลิ่มเลือด
ส่วนข้อดีของสาหร่ายที่มีต่อโลกคือเรื่องของการเติบโต ซึ่งสาหร่ายเป็นพืชน้ำ สามารถเติบโตได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลง แถมยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์อีกด้วย
อ้างอิง: