วันนี้ (27 มีนาคม) จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยตลาดการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 32.63 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน (26 มีนาคม) ที่ระดับ 32.77 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ค่าเงินบาทอยู่ในภาวะสภาพคล่องต่ำ และเคลื่อนไหวตามทิศทางของดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก โดยคาดว่ากรอบเงินบาทวันนี้ 32.55-32.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควบคุมความผันผวนได้ดีมาก โดยในช่วงสองวันที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นเพียง 0.58% ใกล้เคียงกับเงินหยวนจีน (CNY) แม้มีความเสี่ยงดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่า แต่ในระยะยาวเสถียรภาพในตลาดเงินที่แข็งแกร่ง จะทำให้มีผู้นำเข้าและผู้ส่งออกกลับเข้ามาในตลาดมากขึ้น
นอกจากนี้ ในคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้นฟื้นตัวได้ติดต่อกันเป็นวันที่สาม ดัชนี S&P 500 บวก 6.2% และ Euro Stoxx 50 ขยับขึ้น 1.7% เพราะตลาดมีความหวังว่านโยบายการคลังของสหรัฐฯ จะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่แข็งแรงนัก เพราะล่าสุดจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานใหม่ (Initial Jobless Claim) ปรับตัวขึ้นจากระดับ 2.8 แสนตำแหน่ง มาอยู่ที่ 3.2 ล้านตำแหน่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าโควิด-19 ยืดเยื้ออาจเห็นการว่างงานในสหรัฐฯ ขยับขึ้นได้เป็นถึง 9% เทียบเท่ากับช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008
ปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ดัชนีวัดความกลัวอย่าง VIX Index ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 61% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ทั่วโลกก็เคลื่อนไหวในกรอบแคบ
ล่าสุดบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซื้อขายที่ระดับ 0.83% ขณะที่บอนด์ยีลด์เยอรมนีก็ปรับตัวลงมาซื้อขายที่ระดับ 0.38%
ในฝั่งตลาดเงินที่ภาพเป็นคนละเรื่องกับฝั่งหุ้น โดยเงินโครนนอร์เวย์ (NOK) ปอนด์อังกฤษ (GBP) และดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) เป็นสกุลเงินที่ปรับตัวบวกมากที่สุด ด้วยความเชื่อว่านโยบายการคลังของสหรัฐฯ ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และจะส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์