×

SCB EIC มองการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลไม่กระทบทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย คาดการประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 67 ล่าช้าไม่มาก

19.05.2023
  • LOADING...
SCB EIC

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีว่าจะยังได้รับแรงสนับสนุนสำคัญจากภาคการท่องเที่ยวที่ได้อานิสงส์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนและการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดี สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกที่ขยายตัว 2.7% เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อน ขณะที่การลงทุนและภาคการผลิตมีแนวโน้มปรับดีขึ้นในไตรมาสที่ 2 โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤตโควิดได้ในช่วงกลางปีนี้

 

อย่างไรก็ดี SCB EIC ยังคงมุมมองมูลค่าการส่งออกสินค้าปีนี้เติบโตที่ 1.2% ท่ามกลางความเสี่ยงด้านต่ำจากเศรษฐกิจโลกที่สูงขึ้น โดยคาดว่าการส่งออกในไตรมาสที่ 2 จะยังหดตัวจากปัจจัยฐาน แต่จะเริ่มขยายตัวตามอุปสงค์จีนที่ปรับดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มเกินดุลในปีนี้จากทั้งดุลการค้าและดุลบริการ

 

ด้านเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะขยายตัวลดลงอย่างชัดเจนในเดือนพฤษภาคม จากราคาพลังงานที่มีแนวโน้มชะลอตัวและผลจากปัจจัยฐาน แต่ยังมีความเสี่ยงด้านสูงในระยะต่อไปจากการทยอยส่งผ่านต้นทุนมายังราคาผู้บริโภคและผลจากปัจจัยฐานที่ลดลง สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มขยายตัวลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อไทยยังมีความเสี่ยงด้านสูงจากการส่งผ่านต้นทุนและแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

 

SCB EIC ระบุว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นปัจจัยความเสี่ยงในประเทศที่ต้องติดตาม แม้ความน่าจะเป็นที่ฝ่ายเสรีนิยมจะได้จัดตั้งรัฐบาลเพิ่มขึ้นมากหลังทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ในกรณีฐาน SCB EIC มองการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจะไม่กระทบทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าจะเห็นผลกระทบด้านลบในไตรมาสที่ 4 จากความล่าช้าในการประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 อยู่บ้าง แต่คาดว่าจะกลับมาเร่งเบิกจ่ายได้ตั้งแต่ต้นปี 2567 พร้อมการผลักดันนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ที่จะเริ่มมีผลบวกสู่เศรษฐกิจ

 

นอกจากนี้ SCB EIC ยังคาดว่านโยบายการเงินไทยจะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องสู่ Terminal Rate ที่ 2.5% ในไตรมาส 3 ตามแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่อเนื่องและแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังมี สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทในปีนี้คาดว่าจะกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะปรับดีขึ้น และเงินดอลลาร์สหรัฐที่คาดว่าจะกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ในช่วงไตรมาส 2 นี้คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20-34.80 บาทต่อดอลลาร์ และกลับมาแข็งค่าอยู่ที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์ ณ สิ้นปี

 

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2566 ประเมินว่าจะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ แต่มีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้น แม้เศรษฐกิจโลกจะทยอยปรับดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 2 แต่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ การฟื้นตัวของภาคการผลิตและภาคบริการยังมีความแตกต่างกันมาก

 

นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำและความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น ทั้งจากปัญหาเสถียรภาพระบบการเงินและความไม่แน่นอนในการขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลในสหรัฐฯ กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนที่ขยายตัวชะลอลงในเดือนเมษายน เศรษฐกิจยุโรปที่ยังอ่อนแอแม้จะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงในครึ่งหลังของปีนี้จากปัจจัยกดดันที่เพิ่มขึ้น

 

ทั้งนี้ SCB EIC คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มจะยุติการขึ้นดอกเบี้ยและคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตลอดปี ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง สู่ระดับ 3.75% และ 5% ตามลำดับ เนื่องจากภูมิภาคยุโรปเผชิญแรงกดดันเงินเฟ้อรุนแรงกว่า สำหรับธนาคารกลางญี่ปุน (BOJ) มีแนวโน้มปรับนโยบายการเงินให้ผ่อนคลายน้อยลงจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และการเติบโตของเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าคาด โดยมองว่า BOJ จะปรับเงื่อนไขนโยบายควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve Control) เพิ่มเติมในเดือนกรกฎาคมนี้

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising