×

SCB CIO ส่องตลาดหุ้นญี่ปุ่นหลังเลือกตั้ง แนวโน้มสดใส ชูกลยุทธ์ลงทุนแบบ Trading Buy โชว์สถิติช่วง Q4 ให้ผลตอบแทนราว 6-15%

21.10.2021
  • LOADING...
SCB CIO ส่องตลาดหุ้นญี่ปุ่นหลังเลือกตั้ง

หลัง ฟูมิโอะ คิชิดะ หัวหน้าพรรค LDP (Liberal Democratic Party) และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร (สภาล่าง) เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ผลการสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำขึ้นโดยสำนักข่าวเกียวโดพบว่า ผู้ตอบรับแบบสอบถาม 29.6% ระบุว่า จะเลือกพรรค LDP ที่นำโดยคิชิดะ ส่วนพรรค Komeito ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และพรรค CDP ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก ได้เสียงสนับสนุน 4.7% และ 9.7% ตามลำดับ ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถาม 39.4% ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคใด

 

เกษรี อายุตตะกะ ผู้อำนวยการกลยุทธ์การลงทุน SCB Chief Investment Office ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า มุมมองต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น SCB CIO มีความเห็นว่า พรรค LDP ที่นำโดยคิชิดะ ยังมีแนวโน้มได้รับเสียงสนับสนุนมากกว่าพรรคฝ่ายค้านในภาพรวม เนื่องจากคะแนนความนิยมของพรรคฝ่ายค้านยังอยู่ในระดับต่ำ และมีความเป็นไปได้สูงที่พรรค LDP จะสามารถได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสภาล่างและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทำให้สามารถสานต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 

 

โดยคาดว่าภายหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง มีแนวโน้มที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติงบประมาณใช้จ่ายส่วนเพิ่มสำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน (สิ้นสุด เดือนมีนาคม 2022) และอนุมัติงบใช้จ่ายสำหรับปีงบประมาณถัดไปภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยขนาดของแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่คิชิดะเคยอ้างถึงในช่วงก่อนหน้านี้จะอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านล้านเยน (คิดเป็น 5.5% ของ GDP) และมีแนวนโยบายที่เน้นเรียกร้องให้เกิดการกระจายความมั่งคั่งและรณรงค์การลดช่องว่างของรายได้ เน้นฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาด เน้นประเด็นความมั่นคงกับเกาหลีเหนือและจีน รวมทั้งเน้นความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับชาติตะวันตก โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นเพิ่มเติม ดังนี้

 

สำหรับแผนการปรับขึ้นภาษีกำไรส่วนต่างจากการลงทุน (Capital Gain Tax) บนรายได้ทางการเงิน จากปัจจุบันที่ระดับ 20% เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนของรัฐฯ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนส่วนใหญ่นั้น ทาง SCB CIO มีมุมมองว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะยังไม่จำเป็นต้องเร่งรีบปรับขึ้นอัตราภาษีเพื่อทำตามแผนการกระจายรายได้ในระยะสั้น เนื่องจากปัญหาช่องว่างรายได้และความมั่งคั่งโดยรวมของญี่ปุ่นยังไม่น่ากังวล 

 

โดยสัดส่วนของความมั่งคั่งของประเทศที่ถือโดยผู้มั่งคั่งที่สุด 1% แรกของญี่ปุ่น อยู่ที่ 11% ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศ OECD 27 ประเทศ และต่ำกว่าสัดส่วนดังกล่าวของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ 42%

 

หากการปรับขึ้นภาษี Capital Gain บนรายได้ทางการเงิน จากปัจจุบันที่อัตราคงที่ 20% มีผลบังคับใช้กับทุกคน โดยไม่ได้คำนึงถึงฐานรายได้ทางการเงิน อาจทำให้หักล้างนโยบายของทางการญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ ที่พยายามให้ประชาชนญี่ปุ่นลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นแทนที่จะออมเงินอยู่ในเงินสดและเงินฝากเป็นหลัก เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการที่ประชาชนมีอายุยาวนานขึ้นและอาจมีความมั่งคั่งไม่เพียงพอ 

 

โดยปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนหุ้นต่อสินทรัพย์ทางการเงินของภาคครัวเรือนญี่ปุ่นอยู่ที่ 10% ต่ำกว่าของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ 38% ในขณะที่สัดส่วนการเงินสดและเงินฝากต่อสินทรัพย์ทางการเงินของภาคครัวเรือนญี่ปุ่นอยู่ที่ 54% สูงกว่าของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ 13%

 

นอกจากนี้ การเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังไม่อยู่ในระดับที่จะสามารถกระจายรายได้ภายในประเทศได้ ทำให้ทางการญี่ปุ่นจำเป็นที่จะต้องเน้นนโยบายที่จะช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก (Pro-growth Stance) ก่อนที่จะใช้นโยบายกระจายรายได้ผ่านการปรับขึ้นภาษี โดยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา Real GDP ของญี่ปุ่นขยายตัวได้เพียง 18% ต่ำกว่าของสหรัฐฯ ที่ขยายตัวถึง 50%

 

ทั้งนี้ SCB CIO มองกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ในภาพรวมยังมีความน่าสนใจลงทุน โดยเน้นกลยุทธ์ Trading Buy จากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มสะท้อนถึงเสถียรภาพทางการเมืองมากขึ้น ตามที่พรรค LDP และพรรคร่วมรัฐบาลยังมีแนวโน้มครองเสียงข้างมากในการเลือกตั้งสภาล่าง จะส่งผลให้การดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมีความต่อเนื่อง และช่วยหนุนเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นญี่ปุ่น 

 

โดยหากอิงจากสถิติในอดีตในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา จะพบว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ดี โดยเฉพาะในช่วงหลังวันเลือกตั้งทั่วไป นอกจากนี้จะพบว่าในช่วงไตรมาสที่ 4 ตลาดฯ ยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยค่อนข้างดี อยู่ระหว่าง 6-15% อีกทั้งในปัจจุบันตลาดฯ ยังได้รับปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากระดับ Valuation ของตลาดฯ ที่ไม่แพง เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ (ดัชนี TOPIX และ Nikkei 225 เทรด PE อยู่ที่ระดับค่าเฉลี่ย 5 ปี) ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนญี่ปุ่นในไตรมาสล่าสุดยังมีแนวโน้มออกดีกว่าที่คาด และ EPS Growth ของตลาดฯ ทั้งในปีนี้และปีหน้ามีแนวโน้มทยอยถูกปรับเพิ่มขึ้นต่อ 

 

นอกจากนี้ เรายังมองตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังได้อานิสงส์ต่อเนื่องจากเงินเยนที่มีแนวโน้มอ่อนค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐ การทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และวัฏจักรการลงทุนโลก (Global Capex Cycle) ที่เริ่มฟื้นตัว โดย SCB CIO ประเมินผลกระทบที่เป็นไปได้จากแนวนโยบายนายคิชิดะต่อหุ้นญี่ปุ่นในรายอุตสาหกรรม พบว่าหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับ Digitalization มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากข้อเสนอของคิชิดะที่จะสร้าง Digital Garden City ในภูมิภาคต่างๆ และหุ้นกลุ่มในธีม Infrastructure มีแนวโน้มได้แรงหนุนจากแผนการลงทุน 15 ล้านล้านเยน ตลอดช่วง 5 ปีข้างหน้า เพื่อใช้ในการเตรียมพร้อมรับมือและป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ สำหรับนโยบายด้านการกระจายรายได้ ซึ่งค่อนข้างเป็นนโยบายระยะยาวมากกว่า อาจช่วยหนุนการบริโภคในประเทศ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อกลุ่มค้าปลีก

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising