หลัง SC Asset อู้ฟู่จากผลประกอบการในปี 2565 ซึ่งเติบโตในทุกธุรกิจ ก็ได้เดินหน้าลงทุนเพื่อสร้างการเติบโต ทั้งการใช้เงินนับพันล้านซื้อที่ดินจาก ‘ตระกูลชินวัตร’ รวมถึงใช้เงินซื้ออพาร์ตเมนต์ให้เช่าในสหรัฐฯ และลงทุนสำหรับโรงแรมด้วย
ปี 2565 บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC รายงานว่า มีรายได้รวม 21,583.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีตัวเลข 19,474.81 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตในทุกธุรกิจ
การมองว่าปี 2566 เศรษฐกิจจะฟื้นตัว ทำให้ SC Asset เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง โดยในวันเดียวกับที่รายงานผลประกอบการปี 2565 ได้มีการแจ้งตลาดถึงการเข้าซื้อดิน 22 แปลง รวมประมาณ 4 ไร่ 3 งาน 36.3 ตารางวา หรือ 1,936.3 ตารางวา บนถนนลาดหญ้า แขวงคลองสาน ด้วยมูลค่า 1,239.23 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- SC Asset มองแบรนด์แข็งเกร่งที่จะขึ้นไปเล่นในตลาด Ultimate Luxury ส่งบ้านเดี่ยว ‘95E1’ เริ่มที่ 100 ล้านบาท เป็นราคาเริ่มต้นสูงสุดที่เคยเปิดขายมา
- SC Asset บุกหนักอสังหาในสหรัฐฯ ส่ง ‘SC Alpha Inc.’ ทุ่มงบลงทุน 100 ล้านดอลลาร์ใน 3 ปี
- SC Asset บุกธุรกิจ Logistics จับมือ Flash Group พัฒนาอาคารคลังสินค้า 1 ล้าน ตรม. ภายในปี 2030
โดย SC Four ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจะซื้อที่ดินจากบริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด หรือ RENDE ซึ่งครอบครัวชินวัตรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 100% ขณะเดียวกันครอบครัวชินวัตรยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน SC Asset ด้วยสัดส่วน 60.29% และเป็นผู้มีอํานาจควบคุมกิจการ
ลึกเข้าไป ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ซึ่งดํารงตําแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการ ของ SC Asset และดํารงตําแหน่งกรรมการของ SC Four รวมทั้งเป็นสามีของ พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งถือหุ้นใน SC Asset จํานวน 1,176,915,495 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 27.887% และถือหุ้นใน RENDE จํานวน 138,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 30% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565)
SC Asset ระบุว่า ที่ดินทั้ง 22 แปลงตั้งอยู่บนถนนลาดหญ้า เป็นทําเลที่ดี มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เป็นศูนย์กลางการขยายตัวและเติบโตของเมืองจากฝั่งพระนครมายังอีกฝั่งของแม่นํ้าเจ้าพระยา มีการคมนาคมที่สะดวก ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีทอง สถานีคลองสาน เพียง 600 เมตร รวมถึงการเริ่มพัฒนาโครงการสถานีรถไฟฟ้า สายสีม่วงใต้
การเข้าซื้อที่ดินดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงจากการไม่มีที่ดินในทําเลที่มีศักยภาพสําหรับการพัฒนาโครงการในเขตเมืองในอนาคต ซึ่งโดยปกติที่ดินจะมีแนวโน้มการปรับราคาเพิ่มขึ้นทุกปี และการรวบรวมที่ดินให้ต่อเนื่องเป็นแปลงใหญ่ทําได้ยากขึ้น โดยเฉพาะที่ดินในเขตเมือง
ในขณะที่อุปทานพร้อมขายในทําเลบริเวณใกล้เคียง โครงการเหลือเพียง 75 ยูนิตเท่านั้น (ไม่รวม 508 ยูนิตของโครงการ Flo by Sansiri ที่เพิ่งเปิดโครงการเมื่อไตรมาสที่ 4 ปี 2565) ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ SC Asset จะลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในทําเลดังกล่าว
นอกจากนี้ SC Asset จะยังคงลงทุนอพาร์ตเมนต์ให้เช่าในสหรัฐฯ ด้วยงบประมาณ 20 ล้านดอลลาร์ หรือราว 690 ล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 2566-2577 ซึ่งเป็นการลงทุนผ่าน SC Alpha ที่มีเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 3 แห่งในบอสตัน
ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 SC Asset จะซื้ออพาร์ตเมนต์ที่ Temple Street ในบอสตัน ซึ่งมีทั้งหมด 18 ยูนิต โดยขณะนี้มีผู้เช่าเต็มแล้ว
ยังไม่หมดเท่านั้น เพื่อปั้นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ SC Asset จะลงทุน 4.5 พันล้านบาท เพื่อพัฒนาโรงแรมหรูแห่งใหม่ 2 แห่ง แห่งแรกตั้งอยู่บนพื้นที่เช่าบนถนนสุขุมวิท ใกล้สุขุมวิท ซอย 29 จะมีห้องพัก 300 ห้อง และจะเปิดให้บริการในไตรมาสแรกของปี 2568
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว SC Expedition ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเพื่อการลงทุนโรงแรมของ SC ได้ซื้อหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ใน FJ BKK Co, Ltd ซึ่งเป็นนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่ถือสิทธิการเช่าที่ดินสุขุมวิท 29 และก่อนหน้านี้มีแผนที่จะพัฒนาโรงแรมในที่ดินดังกล่าวเป็นเงินทั้งสิ้น 1.42 พันล้านบาท ซึ่งเงินที่จ่ายไม่ใช่แค่มูลค่าที่ดิน แต่รวมถึงการก่อสร้างฐานรากที่เริ่มไปแล้วด้วย
ส่วนโรงแรมใหม่อีกแห่งอยู่ในพัทยา บนถนนพัทยาสาย 2 จำนวน 320 ห้อง ซึ่งจะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2569 ที่ดินที่โรงแรมตั้งอยู่นั้นจะเป็นการเช่าจาก RENDE ซึ่งมีเจ้าของเป็นครอบครัวชินวัตร
SC Asset ย้ำว่า แม้รายได้หลักจะยังคงเป็นธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งปีนี้มีแผนการเปิดโครงการใหม่รวม 25 โครงการ มูลค่ารวม 4 หมื่นล้านบาท แต่จะขยายสินทรัพย์ที่มีรายได้ประจำ เพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษาการเติบโตของรายได้ด้วย