ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset กล่าวว่าปี 2562 ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งตลาดติดลบ 23% จากปีก่อนหน้า สาเหตุเพราะภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเกณฑ์ LTV ทำให้การระบายสต๊อกอสังหาริมทรัพย์ขายออกได้ช้าลง แต่ทาง SC Asset ปี 2562 รายได้อยู่ที่ 17,636 ล้านบาท ยังเพิ่มขึ้น 14.18% จากปี 2561
ขณะที่ปี 2563 ความเสี่ยงในธุรกิจยังเพิ่มขึ้นจากปัญหาภูมิศาสตร์การเมือง การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กระทบการท่องเที่ยวในประเทศ ส่วนในไทยยังมีปัญหาภัยแล้ง ทำให้ปีนี้มีโอกาสมากที่ GDP ไทยจะโตต่ำกว่า 2% โดยทาง SC Asset ตั้งเป้าหมายของปี 2563 ได้แก่ รายได้อยู่ที่ 17,800 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2562 ที่ผ่านมา และยอดขาย 18,000 ล้านบาท
ทั้งนี้กลยุทธ์หลักคือ ‘การยืดหยุ่น’ ในการทำธุรกิจปัจจุบัน การสร้าง S-Curve หารายได้ใหม่ รวมถึงสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่กล้าคิดและทำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการปรับพอร์ตธุรกิจหลักจะเน้นแนวราบ หรือการขายบ้านในกลุ่มราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท คาดว่าสัดส่วนรายได้จากบ้านกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากโครงการทั้งหมด
ขณะที่จุดแข็งเดิมอย่างกลุ่มบ้านราคา 20-50 ล้านบาท ทางบริษัทจะรักษาส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งต่อไป นอกจากนี้จะเพิ่มรายได้ค่าเช่าจากธุรกิจใหม่ผ่านสองบริษัทลูก ได้แก่
1.SC Expedition (เอสซี เอ็กซ์เพดิชั่น) พัฒนาธุรกิจโรงแรมในไทยในกลุ่ม Mid to Upscale ในลักษณะโรงแรม 3-4 ดาว โดยเจาะกลุ่มลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศในกลุ่มที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตนเอง (FIT) ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2563-2566 จะมีโรงแรมใน 5 ทำเล ได้แก่ ราชวัตร (เปิดบริการปี 2563), รัชดาภิเษก (เปิดบริการปี 2564), สุขุมวิท, วิภาวดี และพัทยา โดย 3 ที่หลังจะเปิดให้บริการในปี 2565 ทั้งหมดนี้ใช้เงินลงทุนราว 2,000-3,000 ล้านบาท
2.SC Alpha Inc. (เอสซี อัลฟ่า อินคอร์ปอเรชั่น) จะลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ เริ่มต้นทำสัญญาซื้อและบริหารอาคารที่ 244 Hanover Street & 20 Parmenter Street ในบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ มูลค่าการลงทุน 24.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 900 ล้านบาท)
นอกจากนี้ทางบริษัทยังเปิดตัวรู้ใจคลับ (RueJai Club) เป็น Living Solutions โดยมีบริการเรื่องบ้านและการจัดการชีวิตให้กับลูกค้า เช่น บริการแม่บ้าน, ล้างแอร์, ส่งน้ำดื่ม, ส่งแก๊ส, ประกันภัย ฯลฯ จะมีทั้งแพ็กเกจรายเดือนและรายครั้ง ในอนาคตจะเป็นอีกช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่
ทั้งนี้คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยปี 2563 จะมีโครงการใหม่ลดลง 10-20% เมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะเป็นช่วงระบายสต๊อกเดิม ทำให้ทางบริษัทมองว่ายอดขายบ้านจะไม่เติบโตมากนัก และเป็นที่มาของการตั้งเป้าหมายยอดขายปี 2563 ที่ 17,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน โดยปัจจุบันทางบริษัทมีบ้านและคอนโดมิเนียมพร้อมโอนอยู่ที่ 15,000 ยูนิต โดยปีนี้จะเปิดโครงการใหม่ 13 โครงการ แบ่งเป็น 12 โครงการแนวราบ และ 1 โครงการคอนโดมิเนียม
ทั้งนี้ 3 ปีที่ผ่านมารายได้ของบริษัท 60% ยังมาจากแนวราบ (เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์) อีก 40% มาจากแนวสูง (เช่น คอนโดมิเนียม) ซึ่งยังไม่รวมค่าเช่า โดยในช่วง 3 ปีหลังจากนี้มองว่ารายได้จากธุรกิจแนวราบจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 74-75% เพราะเป็นกลุ่มที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ยังเห็นสัญญาณชาวต่างชาติโดยเฉพาะฝั่งเอเชียสนใจซื้อคอนโดมิเดียมในไทย เพราะเลี่ยงการลงทุนในจีนมาหาในไทยแทน โดย 1 เดือนครึ่งของปีนี้ทางบริษัทมียอดขายจากเอเจนซีในต่างประเทศอยู่ที่ 400 ล้านบาทจากเป้าหมายทั้งปีที่ราว 1,000 ล้านบาท
ปัจจุบัน SC Asset มีพอร์ตลูกค้าต่างชาติ 20% จากรายได้ทั้งหมด โดย 10% เป็นลูกค้าจีน นอกจากนี้ยังต้องจับตาผลกระทบจากภาษีที่ดินที่จะเริ่มใช้ในปีนี้ เบื้องต้นทางบริษัทประเมินว่าผลกระทบเล็กน้อยไม่ถึง 10 ล้านบาท
“ปี 2563 เราจะซื้อที่แนวราบเป็นหลัก จะมีอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มรายได้ค่าเช่า และอนาคตจะมีรายได้ใหม่จากรู้ใจคลับ ที่ดูแลลูกค้า ช่วยเรื่องบ้าน การจัดการชีวิต”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์