จริงๆ แล้วเรื่องการรณรงค์เลิกการกลั่นแกล้งผู้อื่นที่พูดกันโครมครามว่า ‘Stop Bullying’ ยังคงเป็นเรื่องที่เราต่างควรให้ความสำคัญ แถมยังพูดเรื่องนี้กันโครมครามในทุกภาคส่วนสังคม และอย่างยิ่งกับกรณีวันนี้ที่เกิดขึ้นกับ ‘หนูรัตน์’ หรือ ธิดาพร ชาวคูเวียง อายุ 26 ปี ผู้หญิงชาวสระบุรีคนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักจากคลิปการแสดงของเธอ ที่หยิบเอาคาแรกเตอร์ของนางร้ายในละครไทยมาดัดแปลงเป็นเรื่องราวของเธอเองในบท ‘วิภาวดี’ หรือเรื่องราวอื่นๆ ที่เธอสวมบทบาท รวมไปถึงในยุคแรกๆ ที่เธอเต้นและร้องเพลงที่เธอแต่งเอง ซึ่งเธอมีความใฝ่ฝันว่าสักวันเธอจะได้ทำงานในวงการบันเทิงอย่างที่เธอชื่นชอบ
แต่เรื่องหนึ่งที่ต้องยอมรับก่อนคือ เราเองไม่ได้ติดตามเธออย่างจริงจัง หรือขนาดเป็นเอฟตีของหนูรัตน์ (เอฟตี = เอฟซี) แต่เราเองก็ยังได้เห็นเธอตามสื่อออนไลน์ในรายการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง หรือแม้แต่ในภาพยนตร์ที่เธอได้ร่วมแสดง ซึ่งเธอเองก็มีกลุ่มผู้ติดตามในระดับที่มากพอจนสามารถทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอในวันนี้ เป็นเรื่องที่สังคมออนไลน์พูดถึงได้ผ่านแฮชแท็ก #SaveNoorat
#SaveNoorat เกิดขึ้นจากหนูรัตน์ไปร่วมงานกับ หมวย โซฮอต ผ่านทางไลฟ์ในเฟซบุ๊ก โดยเธอจะมาร่วมแสดงในบทบาทของ ‘นิรา’ จากละครเรื่อง ใบไม้ที่ปลิดปลิว ที่กำลังฉายอยู่ทางช่องวัน 31 ในขณะนี้ ซึ่งบทดังกล่าวเป็นบทบาททรานส์เจนเดอร์หรือผู้หญิงข้ามเพศ โดยในไลฟ์ดังกล่าวเป็นช่วงระหว่างการแต่งหน้า และเธอเองก็ได้รับการแต่งหน้าโดย หมวย โซฮอต นั่นเอง
แต่ทีนี้ประเด็นมันเริ่มเป็นที่พูดถึงก็เพราะว่าในระหว่างที่แต่งหน้ากันอยู่นั้น มีการซับหน้าหรือลงพัฟฟ์อย่างหนักมือ รวมไปถึงการใช้พัฟฟ์แต่งหน้าพยายามตบบริเวณใกล้ๆ คอให้เกิดการสั่นเสียงระหว่างพูด หรือสิ่งที่เรารู้สึกว่าทำเกินไปหน่อยคือ การให้เธอดมแท่งโม (แท่งสำหรับสอดอวัยวะเพศหญิงหลังผ่าตัดแปลงเพศ) ซึ่งคาดว่ามันอาจจะนำมาซึ่งความตลกที่ดูน่าอดสู เพราะไม่รู้ว่าผู้กระทำคิดอะไรอยู่ หรือคิดว่ามันตลกดีก็ไม่ทราบ? และตลอดวันนี้ที่เรานั่งอ่านแฮชแท็ก #SaveNoorat ก็พบว่า มีผู้ชมหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำเช่นนี้ และถ้าหากเราต้องมานั่งตลกกับการกลั่นแกล้งหรือยั่วล้อปมด้อยคนอื่น จนกระทั่งนำไปสู่จุดที่หนูรัตน์ร้องไห้ออกมาผ่านการถ่ายทอดสดดังกล่าว นี่คือความสนุกของพวกคุณจริงๆ หรือ?
หากคุณยังไม่ทราบว่าทำไมหนูรัตน์ถึงสื่อสารผิดๆ ถูกๆ หรือพูดไม่ชัด นั่นก็เพราะเธอมีปัญหาบกพร่องทางการได้ยิน และลิ้นไก่สั้น ฉะนั้นการสื่อสารผ่านการพูด พิมพ์ หรือคิดของเธอ ก็จะมีความ ‘ไม่เหมือน’ คนทั่วไป เธออาจจะไม่ได้ตีความหรือเข้าใจเรื่องบางเรื่องเหมือนทุกคน ซึ่งบางทีการประมวลคำพูดและความเข้าใจของเธออาจเป็นเรื่องยาก หรือแม้กระทั่งการที่เธอจะต้องใช้เครื่องช่วยฟัง พร้อมกับอ่านปากของผู้พูด ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้เราเห็นแล้วว่าเธอนั้นไม่สามารถสื่อสารได้อย่างปกติจริงๆ เราจึงได้เห็นกลุ่มผู้ติดตามของเธอพยายามที่จะรวบรวมคำศัพท์หนูรัตน์มาเป็นเสมือนไบเบิล เพื่อรับชมและเข้าใจเธอไปพร้อมๆ กัน และตลอดระยะเวลาที่เธอได้เริ่มเข้ามาทำงาน หรือที่พบเห็นในสื่อต่างๆ เราก็พบว่า เธอตั้งใจทำงาน และดูเหมือนว่าเธออยากทำมันจริงๆ
เราไม่มีทางรู้แน่ชัดว่าความเจ็บปวดข้างในมันมากแค่ไหน เธอถึงร้องไห้ออกมาในการถ่ายทอดสดดังกล่าว แต่จะดีกว่าหรือไม่ หากเราหยุดการกระทำล้อเลียนเธอ กลั่นแกล้งเธอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด่าทอ
เราเข้าใจว่าเธอเป็นคนตลก มอบรอยยิ้มให้กับผู้ชมได้ แต่อย่าลืมว่า เธอไม่ใช่ตัวตลกให้ใครมานั่งหัวเราะเยาะเพียงเพราะเธอไม่เหมือนพวกคุณ และคุณลองคิดดูสิว่า ขนาดหนูรัตน์ถูกกลั่นแกล้งโดยที่เธอเองอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามขนาดนี้ เธอยังออกมาพูดอีกครั้งในการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองว่า เธอไม่ถือโทษโกรธใคร เพราะกลัวไม่มีงานทำ ไม่มีงานติดต่อมา หรือแม้กระทั่งการถ่ายทอดสดล่าสุดเมื่อช่วงเย็นของวันนี้ที่ผ่านมา หนูรัตน์ยังต้องออกมาพูดว่า เธอไม่ได้มีการหักเปอร์เซ็นต์ค่าตัวกับผู้จัดการแน่นอนในท่าทีที่ดูเลิ่กลั่ก ซึ่งนั้นเป็นประเด็นที่โลกออนไลน์จับตามองเช่นกัน
ผลสรุปของเรื่องนี้หลังจากเกิดเหตุการณ์และมีการออกมาขอโทษหนูรัตน์อย่างเป็นทางการ สิ่งหนึ่งที่ทางฝ่ายผู้กระทำและผู้จัดการส่วนตัวของเธอต้องเข้าใจคือ ไม่ว่าการขอโทษหรือแก้ต่างจะเกิดขึ้นอย่างไรก็ตาม ย่อมไม่มีผลดีเท่าไร เราอาจเรียกมันว่าการ ‘แก้ตัว’ ก็ได้ เพราะอย่าลืมว่าสิ่งที่คุณแสดงให้เราเห็นผ่านการถ่ายทอดสดนั่นคือสิ่งที่เราเห็นเท่านั้น เราไม่มีทางรับรู้ความจริงที่เกิดขึ้นหลังกล้องว่าเกิดอะไรขึ้น เช่น การที่ฝ่ายผู้กระทำกล่าวว่าได้มีการพูดคุยกันก่อนแล้วว่าวันนี้จะถ่ายทอดสดและแกล้งหนูรัตน์ด้วย หรือบอกว่าเธออินบทมากจนร้องไห้ ผู้ชมที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่มีทางรู้ หรือไม่จำเป็นต้องเชื่อสิ่งที่คุณกำลังพูดอยู่ก็ได้ เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เราเห็น
ฉะนั้นเราจึงให้ค่ากับสิ่งที่เราเห็นมากกว่า เรากำลังเห็นหนูรัตน์ถูกล้อเลียน ใช้ความรุนแรง หรือแม้แต่หัวเราะเยาะใส่ ไม่ใช่แค่เรื่องวันนี้ แต่ยังหมายถึงทุกช่วงเวลาที่เธอถ่ายทอดสดพูดคุยกับผู้คนที่ผ่านมา ที่เคยมีคนไปแสดงความคิดเห็นมากมาย บอกว่าเธอเป็นกะเทยบ้าง หรือพยายามให้โชว์มิจิ (มิจิ = อวัยวะเพศหญิงตามที่หนูรัตน์บอก) จนเธอต้องเอ่ยปากออกมาว่า “ก็หนูเป็นผู้หญิง” ทำให้เธอโกรธหรือเกิดความโมโห การถูกปั่นหัวแบบนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสนุกกับมันหรอก และหากคำพูดไหนที่มันตัดพ้อเธอ เธอเองก็เคยแสดงความรู้สึกน้อยใจหรือเสียใจออกมาอยู่บ่อยๆ หากคุณตามเธออยู่คงจะทราบดี
นอกจากนี้ในประเด็น #SaveNoorat เองก็ยังมีเหล่าเซเลบริตี้ออกโรงมาร่วมกันแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้กันอย่างมากมาย อาทิ โอปอล์ ปาณิสรา หรือ แก้ม วิชญาณี ซึ่งเล็งเห็นได้ว่า เราต่างไม่ต้องการให้เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องที่รับได้หรือตลกขำๆ แล้วขอโทษขอโพยก็จบกันไป สำหรับเราเอง การให้เกียรติกันเป็นเรื่องที่ดีเสมอ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเด็กกว่าคุณ แก่กว่าคุณ เขาจะปกติหรือไม่ปกติ เราล้วนต่างต้องให้เกียรติกันในฐานะมนุษย์ที่ต่างเจ็บปวดได้เหมือนกันทั้งนั้น
เราจะรอชื่นชมวันที่ดือของหนูรัตน์ในสักวัน ในวันที่เธอจะสามารถพาตัวเองไปทำงาน เก็บเงินได้มากพอที่จะทำตามความฝันของเธอ ไม่มีใครคู่ควรกับการถูกกลั่นแกล้ง เช่นกัน ไม่มีใครควรให้ค่ากับคนที่กลั่นแกล้งคนอื่นอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร และวันนี้อาจเป็นเพียงวันที่ไม่ดือวันหนึ่งของหนูรัตน์เท่านั้น