การที่ตลาด Branded Residences ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีอัตราการเติบโตถึง 216% ด้วยโลเคชันที่มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น ทำให้ Standard International ตัดสินใจขยาย The Standard Residences โดยที่ไม่จำกัดเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลัก แต่ยังเล็งการขยายตัวไปยังเมืองที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีเอกลักษณ์โดดเด่น ยกตัวอย่างเช่น บาหลี สิงคโปร์ หรือกรุงเทพมหานคร เป็นต้น
ที่ผ่านมาโครงการ Branded Residences ที่ทำการเปิดขายไปแล้ว มีทั้งหมด 2 โครงการ ได้แก่ The Standard Residences, Midtown Miami โดยมีจำนวนทั้งหมด 228 ยูนิต เป็นตึก 12 ชั้น โดยมีราคาขายเริ่มต้นตารางเมตรละ 450,000 บาท และมียอดขายแล้วกว่า 85% มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2568
ส่วน The Standard Residences, Lisbon มีจำนวนทั้งหมด 32 ยูนิต แบ่งเป็น 3 ตึก โดยมีราคาขายเริ่มต้นตารางเมตรละ 350,000 บาท และมียอดขายแล้วกว่า 91% มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- บ้านก็มี โรงแรมก็ทำ แต่ทำไม ‘ตระกูลจิราธิวัฒน์’ ถึงตั้งกองทุน Private Equity มูลค่าหมื่นล้านเพื่อลงทุนในธุรกิจ Hospitality
- เครือโรงแรม The Standard เตรียมนำ ‘ธุรกิจ Residences’ บุกไทย จับมือแสนสิริเปิดที่หัวหิน และเครือเซ็นทรัลที่ภูเก็ต คาดขายไตรมาส 1/67 เคาะราคาเริ่มต้นเกือบ 10 ล้าน
“การที่ทั้ง 2 โครงการมีราคาขายสูงกว่าโครงการอื่นๆ ในตลาดเดียวกันกว่า 20% เป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ Branded Residences ของ Standard International” อมาร์ ลัลวานี ประธานกรรมการบริหาร Standard International กล่าว
การเติบโตของตลาดบวกกับยอดขายของโครงการที่เปิดขึ้นไปแล้ว ทำให้เกิดการวางแผนที่จะขยาย Branded Residences ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในไทย 2 แห่งด้วยกันคือ หัวหินและภูเก็ต
เหตุผลที่เลือกเปิดตัวในช่วงเวลานี้มาจากธุรกิจท่องเที่ยวของไทยพลิกฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดเจนจากในปี 2566 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยสูงถึง 28 ล้านคน มากกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลได้ตั้งไว้ ทั้งยังมีแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติจะสูงเท่ากับช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด และยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567 จะเร่งตัวแตะ 35 ล้านคน
กลายเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวโดยเฉพาะ 2 ทำเลอสังหาอย่าง ‘หัวหิน’ เดสติเนชันท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งชาวไทยและต่างชาติเทียบชั้นเมืองตากอากาศระดับโลก ซึ่งมีนักท่องเที่ยวกลุ่ม Luxury Tourists ที่มีกำลังซื้อสูง (Affluent Community) รวมถึง ‘ภูเก็ต’ ล่าสุดยังถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุดในโลก
สำหรับหัวหินนั้นจะเกิดขึ้นในชื่อ The Standard Residences, Hua Hin ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บิ๊กแบรนด์ดีเวลลอปเปอร์อย่าง ‘แสนสิริ’ ตัดสินใจเปิด Branded Residences อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ย้ำถึงความมั่นใจว่า แสนสิริพัฒนาโครงการรีสอร์ตคอนโดมิเนียม (รวม The Standard Residences, Hua Hin) ในหัวหินมาแล้วจำนวนรวม 25 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 31,000 ล้านบาท โดย 22 โครงการปิดการขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“แสนสิริยกให้หัวหินเป็นหนึ่งใน Strategic Location สำคัญ โดยพัฒนาโครงการแฟลกชิปแห่งแรก ‘บ้านไข่มุก’ ซึ่งเป็นรีสอร์ตคอนโดลักชัวรีติดริมหาดที่หาดทรายขาวที่สุด และสวยที่สุดของหัวหินปัจจุบัน ราคา Capital Gain พุ่งสูงถึง 1,000%”
แสนสิริมองหัวหินเป็นตลาดที่มีโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจสูง เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ส่งผลให้ดีมานด์ที่อยู่อาศัย Resort Home เป็นบ้านหลังที่ 2 มากขึ้น ทั้งซื้อเพื่ออยู่เองและเพื่อการลงทุนของชาวไทยและต่างชาติ
The Standard Residences, Hua Hin นับเป็นโปรเจกต์ไฮไลต์ของแสนสิริในปีนี้ โดยมีมูลค่าโครงการรวม 4,500 ล้านบาท และเป็น Beachfront Branded Residences ภายใต้แบรนด์ The Standard แห่งแรกในเอเชีย และมีกำหนดเปิดตัวเป็นแห่งที่ 3 ของโลก โครงการตั้งอยู่บนไพร์มโลเคชันบนที่ดินหายากติดหาดหัวหิน ที่สามารถพัฒนาโครงการใหญ่แบบฟรีโฮลด์ได้มาพร้อมกับไฮไลต์ Beachfront Pool Villa สุดแรร์ ราคาแตะ 100 ล้านบาท เพียง 2 ยูนิตเท่านั้น ขณะที่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8.99 ล้านบาท
โครงการจำนวน 245 ยูนิตบนพื้นที่ขนาด 9 ไร่ เริ่มตั้งแต่ 1 ห้องนอน ขนาด 40-65 ตารางเมตร, 2 ห้องนอน ขนาด 77-120 ตารางเมตร, 3 ห้องนอน ขนาด 107-153 ตารางเมตร และ Beachfront Pool Villa สุดแรร์ ขนาด 220 ตารางเมตร และพร้อมเข้าอยู่ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2569 โดยมีการคาดหวังว่าจะสามารถขายได้ 60% ก่อนที่จะมีการเริ่มโอน
ส่วน The Standard Residences อีกแห่งจะเป็นของ ‘ซีจี แคปปิตอล’ ผู้บริหารกองทุน Private Equity ในเครือเซ็นทรัล ได้จัดตั้งกองทุนแรกในมูลค่า 10,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยว เพื่อตอบโจทย์การท่องเที่ยวของไทยซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
โดยมีผู้ลงทุนหลักได้แก่ 1. ครอบครัวจิราธิวัฒน์ 2. ธนาคารชั้นนำ 3. นักลงทุนสถาบันระดับโลก ซึ่งมีแผนที่จะลงทุนทั้งในส่วนโรงแรม คอนโดมิเนียม สวนสนุก สวนน้ำ และโครงการมิกซ์ยูสที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งเน้นในเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ภูเก็ต, สมุย และพัทยา โดยคาดว่าจะลงทุนปีละ 3-5 โครงการ
ภูมิ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีจี แคปปิตอล จำกัด ขยายความว่า ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวอันโด่งดังติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก และยังได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่ดีที่สุดสำหรับ Workation อันดับ 10 ของโลก หลังช่วงโควิดในปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตแล้วกว่า 11 ล้านคน ทำให้มีการเล็งเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทจากหลายผู้ประกอบการมากที่สุดในเมืองไทย
ประกอบกับมีโรงเรียนนานาชาติถึง 13 แห่ง และโรงพยาบาลระดับไฮเอนด์ เหตุผลนี้เองทำให้อสังหาภูเก็ตเนื้อหอมทั้งในแง่ความต้องการและการลงทุนใหม่ๆ ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างจีนและรัสเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของคอนโดมิเนียมในภูเก็ตเพิ่มขึ้นถึง 113% และ CG Capital ได้เล็งเห็นถึงโอกาสทองในการลงทุนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกในหาดบางเทา
โครงการ The Standard Residences, Phuket Bang Tao ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดในย่านที่เป็นไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ของภูเก็ต อย่างย่านบางเทา ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มเซ็นทรัลได้มีการเปิดตัวโครงการปอร์โต เดอ ภูเก็ต (Porto De Phuket) ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอลล์บนพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร ทาง CG Capital ตั้งเป้าที่จะต่อยอดด้วยการเปิดโครงการดังกล่าว
พื้นที่ของโครงการทั้งหมดมีขนาด 19 ไร่ โดยแบ่งเป็น 3 โปรเจกต์ เริ่มจาก The Standard Residences, Phuket Bang Tao ที่มีขนาด 12 ไร่ และโรงแรมเดอะ เภรี โฮเต็ล ภูเก็ต บางเทา (The Peri Hotel Phuket Bang Tao) รวมถึง F&B Concept ใหม่ล่าสุดจาก The Standard ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันอีก 7 ไร่
ตัวโครงการ Branded Residences ประกอบด้วยอาคาร 7 ชั้น รวมแล้ว 6 อาคาร มีจำนวนห้องทั้งหมด 188 ยูนิต โดยออกแบบให้เป็นห้องตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์ เริ่มตั้งแต่ 1 ห้องนอน ขนาด 75 ตารางเมตร, 2 ห้องนอน ขนาด 100-120 ตารางเมตร, 3 ห้องนอน ขนาด167-172 ตารางเมตร และห้องดูเพล็กซ์สุดหรู ขนาด 301-313 ตารางเมตร
ทั้งนี้ The Standard Residences, Phuket Bang Tao เตรียมเปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้นที่ 11.9 ล้านบาท และพร้อมเข้าอยู่ช่วงไตรมาส 4 ของปี 2569