×

SAMMii สำรวจห้องทดลองแห่งเสียงเพลง ของนักร้องหญิงผู้เชื่อว่าศิลปะไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบ

05.11.2021
  • LOADING...

แซมมี่-ภัคธีมา ชิลเลอร์ หรือ SAMMii ศิลปินหญิงคนล่าสุดจากค่าย Universal Music Thailand นับว่าเป็นหนึ่งในศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าจับตามมองมากที่สุด ณ เวลานี้ หลังจากที่เธอได้แนะนำตัวให้ทุกคนได้รู้จักผ่าน 3 บทเพลงคุณภาพอย่าง  ทานตะวัน, ปราสาทวังวน และ Plaster

 

THE STANDARD POP ขอชวนแฟนเพลงของคุณทานตะวันและทุกคนที่ยังไม่ทราบว่าศิลปินหญิงคนนี้คือใคร มาร่วมสำรวจห้องทดลองแห่งเสียงเพลงของแซมมี่ ศิลปินหญิงผู้เชื่อว่าศิลปะไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบ เพื่อทำความรู้จักเธอให้มากยิ่งขึ้น

 

อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่นี่

 

 

THE STANDARD POP: ถ้าย้อนกลับไปในวัยเด็ก ความฝันแรกๆ ของแซมคืออะไร 

 

แซมมี่: เราอยากเป็นครูสอนวิทยาศาสตร์ ตอนเด็กๆ ที่เราเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ มีอยู่ครั้งหนึ่งครูพาเราไปดูเต่าทอง แล้วเราเป็นคนชอบเด็ก เราอยากอยู่กับเด็กๆ ตอนนั้นเลยจินตนาการว่าโตขึ้นชั้นจะต้องเป็นครูสอนวิทยาศาสตร์ แล้วพาเด็กๆ ไปดูเต่าทองให้ได้ แต่พอโตมาก็รู้ว่าอย่าเลย ช่างมันเถอะ (หัวเราะ) เพราะเกรดไม่ไหวมากๆ 

 

แต่จริงๆ เราอยากเป็นนักดนตรีมาตลอดนะ อยากทำงานอยู่ตรงนี้มาตลอด เราอยากเป็นอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับงานเบื้องหลัง เป็นนักแต่งเพลง เป็น Sound Engineer หรืออะไรก็ได้ แต่เราไม่เคยคิดจริงๆ ว่าจะได้มาทำเบื้องหน้า ซึ่งตอนนี้เราก็ทำทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังอยู่

 

THE STANDARD POP: ถ้าลองหยิบครูสอนวิทยาศาสตร์กับการเป็นนักดนตรีมาวางคู่กัน การทำเพลงก็ดูคล้ายๆ กับการทดลองวิทยาศาสตร์อยู่เหมือนกันนะ 

 

แซมมี่: แซมว่าการทำเพลงเหมือนการที่เราลองทำไปเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้แซมก็ยังลองอยู่ สังเกตว่า 3 เพลงที่แซมปล่อยออกมา ไม่มีเพลงไหนที่เหมือนกันเลย เพราะมันคือการทดลองของแซม แซมไม่ได้คิดถึงเรื่องไหนเลยนอกจากแซมชอบที่จะทดลอง เหมือนเป็นความสนุกในพื้นที่ของแซม แล้วคนอื่นก็ชอบมันด้วย มันก็สนุกดีนะ

 


 

 

THE STANDARD POP: แซมมี่เคยเล่าว่าตอนอายุ 16 ปี การเขียนเพลงเป็นสิ่งที่ตัวเองกลัวมากที่สุด อะไรทำให้แซมมี่รู้สึกแบบนั้น 

 

แซมมี่: มันเหมือนเราเขียนไดอะรีแล้วให้คนอื่นอ่าน แล้ววันหนึ่งเรารู้สึกแย่กับสิ่งที่เราเขียนแต่คนอื่นไม่รู้ เราเลยรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เมื่อก่อนเราคิดว่าการที่เราจะเขียนออกมาสักเพลงหนึ่ง เอาความคิดของตัวเอง เอาความรู้สึกของตัวเองทั้งหมดออกมาไว้บนโลกใบนี้ วันหนึ่งเราตายมันก็ยังอยู่ เราเลยรู้สึกว่ามันน่ากลัวมาก แล้วเราก็คิดว่าศิลปินทุกคนเป็นผู้กล้าทั้งหมดเลย คนที่สร้างอะไรก็ได้ขึ้นมาบนโลกใบนี้ แล้ววันหนึ่งคุณตายไปแต่มันก็ยังอยู่ เรารู้สึกว่ามันทำให้โลกเป็นโลก 

 


 

 

THE STANDARD POP: เพลงแรกที่แซมมี่ปล่อยออกมาในฐานะศิลปินคือ ทานตะวัน ทำไมเราถึงเลือกเพลงนี้เป็นเพลงเปิดตัวของเรา

 

แซมมี่: เราคุยกันอยู่นานมากว่าจะปล่อยเพลงไหนก่อน แต่เพลง ทานตะวัน เป็นเพลงเดียวที่แซมรู้สึกว่ามันเป็นโฟล์ก แล้วมีกลิ่นอายที่มีความเป็นแซมสูงมาก ต่อให้จะผ่านไปกี่ปีก็จะยังเป็นแซม แล้วแซมก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับมัน เราเลยเลือกที่จะปล่อยเพลงนี้ก่อนเพราะเราอยากให้คนจดจำเราแบบนี้ แล้วตอนนี้กลายเป็นว่ามีคนฟังเรียกเราเป็นคุณทานตะวันไปแล้ว เวลาเขียนชื่อเราบนอินเทอร์เน็ตก็จะมีอิโมจิเป็นทานตะวันเล็กๆ น่ารักดี

 

THE STANDARD POP: แซมมี่รู้สึกอย่างไรบ้างหลังจากที่มิวสิกวิดีโอ ทานตะวัน ปล่อยออกมา

 

แซมมี่: แฮปปี้มาก เพราะเพลงนี้เป็นอีกเพลงที่มีความหมายต่อใครหลายคนมากๆ เพราะเป้าหมายในการทำเพลงของเรามันไม่ใช่การให้คนมาสนใจเยอะๆ แต่เราอยากให้เพลงของเรามีความหมายสำหรับใครสักคนหนึ่ง เราเป็นคนที่แคร์กับอะไรพวกนี้มากๆ 

 

รับชมมิวสิกวีดีโอเพลง ทานตะวัน ได้ที่นี่

 

 


 

 

THE STANDARD POP: เพลงต่อมาคือ ปราสาทวังวน จุดเริ่มต้นของเพลงนี้มาจากอะไร 

 

แซมมี่: คนมักจะพูดกันว่า ‘งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา’ เราเลยเอามาเปรียบเทียบกับความคิดของเราให้เป็นเหมือนงานเลี้ยงที่ไม่มีวันเลิกรา เป็นอาการของคนคิดมาก ความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวเราตลอดเวลา ไม่มีทางออก เหมือนเรากำลังวิ่งอยู่ใน ปราสาทวังวน 

 

THE STANDARD POP: มีเรื่องอะไรบ้างที่แซมมักจะคิดวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา 

 

แซมมี่: เรื่องที่ต้องทำ เรื่องตัวเอง เรื่องคนอื่น เรื่องความรัก เรื่องครอบครัว เรื่องทั่วไป ซึ่งบางทีเราก็ทำอะไรไม่ได้ เราเป็นพวกที่ถ้าคิดมากแล้วเราก็จะปล่อยให้ตัวเองคิดมาก เพราะเรารู้ดีว่าเดี๋ยวมันก็ต้องหยุด เดี๋ยวมันก็ต้องมีเรื่องอื่นที่ทำให้เราลืมเรื่องเก่าๆ เราเลยปล่อยให้มันคิดไปเรื่อยๆ 

 

รับชมมิวสิกวีดีโอเพลง ปราสาทวังวน ได้ที่นี่

 

 


 

 

THE STANDARD POP: มาถึงเพลงล่าสุดอย่าง Plaster ซึ่งเป็นเพลงที่แซมได้ร่วมงานกับ แทน Lipta (แทน-ธารณ ลิปตพัลลภ) ด้วย

 

แซมมี่: Plaster เป็นเพลงแรกที่แซมได้รับฟังคนอื่นในเรื่องการเขียนเพลงคือพี่แทน Lipta พี่แทนเป็นคนที่ช่วยแซมโปรดิวซ์เพลงนี้ แล้วก็คอยตบๆ เนื้อเพลงให้ อารมณ์เหมือนเขียนเพลงส่งอาจารย์เลย (หัวเราะ) ให้พี่แทนดูให้ว่าคำนี้เปลี่ยนเป็นอันนี้ดีไหม แก้คำเล็กๆ น้อยๆ ที่เราคิดว่ามันยังแปลกๆ อยู่ 

 

ส่วนที่มาของเพลงเริ่มมาจากเราไปเจอชื่อเพลย์ลิสต์ของคนคนหนึ่ง เขาตั้งชื่อเพลย์ลิสต์ว่า Plaster เพื่อที่จะให้เพลงพวกนั้นช่วยบรรเทาจิตใจของเขา แล้วเราก็อยากรู้ด้วยว่าถ้าเอาคำว่า Plaster มาร้องเพลงจะเพราะไหม เราก็เลยเอามาแต่ง แล้วก็ดันตรงกับชีวิตตัวเอง เพลงนี้พูดถึงความสัมพันธ์ที่เราเปรียบให้ตัวเองเป็น Plaster ต่อให้เราจะรักษาเขาแค่ไหน สุดท้ายเขาก็เลือกคนนั้น เป็นรักสามเส้าเหมือนเพลง ทานตะวัน 

 

THE STANDARD POP: ประสบการณ์ที่ได้ร่วมงานกับแทน Lipta เป็นอย่างไรบ้าง

 

แซมมี่: พี่แทนบอกอย่าคิดอะไรเยอะ แล้วเราก็ได้รู้เทคนิคหลายๆ อย่างด้วย ปกติแซมเป็นคนที่เขียนเพลงเหมือนเขียนเรียงความ แซมไม่เคยลองที่จะกระโดดไปอันนี้ก่อนแล้วค่อยกลับมาอันนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่แซมคิดว่าตัวเองไม่ถนัด แต่พอนั่งฟังพี่แทนแล้วพี่แทนบอกให้ลอง เราก็เลยลองเขียนดู แล้วมันก็ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลย 

 

รับชมมิวสิกวีดีโอเพลง Plaster ได้ที่นี่

 

 


 

 

THE STANDARD POP: อะไรคือสิ่งที่ทำให้แซมเริ่มหลงใหลในงานศิลปะ 

 

แซมมี่: ศิลปะเหมือนเป็นที่ที่เราไม่ต้องคิดอะไรมาก น่าจะเป็นพื้นที่เดียวเลยที่เราได้อยู่กับตัวเอง แค่วาดเส้นออกมาเรื่อยๆ ตามความคิดตอนนั้น แล้วเราก็ไม่ได้คาดหวังว่างานของเราจะต้องออกมาสวยมากๆ เราชอบที่มันไม่สมบูรณ์แบบดี มันเปลี่ยนไปได้ตลอด ไม่มีกฎตายตัว

 

เราว่าคำว่าสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริงด้วยซ้ำ เหมือนคำว่าสมบูรณ์แบบคือสิ่งที่คนสร้างขึ้นมา เพื่อที่จะให้รู้ว่าฉันต้องไปถึงจุดไหนถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ แต่ว่าสุดท้ายแล้วศิลปะมันไม่มีตรงนั้น มันเลี้ยวได้ระหว่างทางตลอด แล้วก็สวยงามในแบบของมัน จะสวยไม่สวยขึ้นอยู่กับความชอบของคนหมดเลย  

 


 

 

THE STANDARD POP: ตอนนี้เราได้ปล่อยเพลงของตัวเองออกมาแล้ว ได้เป็นศิลปินเต็มตัวแล้ว เป้าหมายต่อไปของแซมมี่คืออะไร 

 

แซมมี่: เราว่าเราอยากจะทดลองแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราอยากให้ชีวิตเราเป็นการทดลอง เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันหนึ่งเราอาจจะไปขายของอยู่ที่เกาะไหนสักแห่ง เอางานศิลปะเราไปขาย ไปวาดรูปขาย แล้ววันดีคืนดีเราก็นั่งเล่นดนตรี แต่ว่าถ้าเป็นตอนนี้เราอยากให้มีคนมองเห็นคุณค่าในเพลงของเราเพิ่มมากขึ้น

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising