×

‘บวงสรวงราชรถ’ ดั่งสัญญาณความพร้อมสู่วันถวายพระเพลิงฯ ‘พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย’

21.09.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • เวลา 14.51 น. เป็นเวลามหัทธโนฤกษ์ในการประกอบพิธีบวงสรวงอัญเชิญราชรถออกจากโรงราชรถ ได้แก่ ราชรถปืนใหญ่ ราชรถน้อย พระมหาพิชัยราชรถ
  • ภายหลังการอัญเชิญราชรถเคลื่อนออกจากโรงราชรถแล้ว ในเวลาต่อมาเจ้าพนักงานจะได้ฉุดชักราชรถ ราชยาน เข้าเก็บในโรงราชรถตามเดิม การบวงสรวงเป็นการขออนุญาตในการเคลื่อนราชรถนับแต่เวลานี้ต่อไป จนกว่าพระราชพิธีจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจากนี้จะถูกนำไปใช้ในการซ้อมริ้วขบวนในพื้นที่จริง

     วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พุทธศักราช 2560 ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 11 พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ วิบูลย์เวทย์บรมหงส์ พรหมพงศ์ พฤฒาจาริย์ หัวหน้าพราหมณ์หลวง ได้กำหนดให้เวลา 14.51 น. ลัคนาสถิตราศีธนู เป็นมหัทธโนฤกษ์ แปลว่า คนมั่งมี ผู้รุ่งเรือง เศรษฐี มีพระจันทร์เป็นผู้รักษาฤกษ์ บาทฤกษ์ทั้ง 4 อยู่ในราศีเดียวกันเป็น ‘บูรณะฤกษ์’ เหมาะสำหรับการมงคลต่างๆ

     ในการประกอบพิธีเพื่อบวงสรวงเทพยดาและดวงวิญญาณพระมหากษัตริยาธิราชและครูอาจารย์ที่ประสิทธิ์วิทยาการทุกสาขาในการอัญเชิญราชรถและพระยานมาศ หลังการบูรณปฏิสังขรณ์ออกจากโรงราชรถเพื่อใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

     ด้วยเหตุที่ราชรถและพระยานมาศเป็นเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระมหากษัตริย์ และพระราชทานเพลิงพระศพพระบรมวงศานุวงศ์

     ในการประกอบพิธีบวงสรวงครั้งนี้จึงเป็นดั่งสัญญาณที่ส่งไปยังคนไทยทั้งแผ่นดินว่าบัดนี้พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพได้ย่ำใกล้เข้ามาแล้ว ประชาชนจะได้ร่วมในพิธีอันสำคัญครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ซึ่ง ‘พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย’ ที่เป็นดั่งศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรทุกหมู่เหล่าได้เสด็จฯ สู่แดนสรวง สมพระเกียรติยศสูงสุด และสถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์

 

 

พิธีบวงสรวงราชรถได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

     ท้องฟ้าในบ่ายวันนี้ที่บริเวณมณฑลพิธีด้านหน้าโรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร แม้แดดจะสาดแสงจ้าเพียงใด คลื่นนักข่าวและประชาชนที่มาเฝ้ารอติดตามพิธีบวงสรวงก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด หากแต่สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องรอคอยรายงานข่าวอันสำคัญนี้เพื่อถ่ายทอดทุกรายละเอียดที่สำคัญไปยังชาวไทย

     พิธีบวงสรวงการอัญเชิญราชรถและพระยานมาศออกจากโรงราชรถเพื่อใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 13.45 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ประธานในพิธีเดินทางมาถึง ได้สักการะพระพุทธสิหิงค์ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ และสักการะเจ้าพ่อหอแก้ว ด้านข้างบริเวณพระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ และเข้าสู่บริเวณมณฑลพิธีด้านหน้าโรงราชรถ ประธานจุดธูปถวายเครื่องสังเวยบริเวณโต๊ะบวงสรวง พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณฯ ประกอบพิธีบูชาฤกษ์ไหว้ครูอาจารย์และบูรพมหากษัตริย์ ขออัญเชิญราชรถและพระยานมาศเคลื่อนออกจากราชรถ

     ในวาระนี้ พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพ ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม อธิบดีกรมศิลปากร และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง

 

 

นายกฯ อธิษฐานจิต ขอเคลื่อนราชรถออกจากโรงราชรถ

     ในเวลาต่อมา พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณฯ ผู้เป็นหัวหน้าพราหมณ์หลวง ได้ถวายน้ำสังข์ใบมะตูมเจิมที่ราชรถและพระยานมาศ นายกรัฐมนตรีผู้เป็นประธานเข้าสู่โรงราชรถคล้องพวงมาลัยที่ราชรถและพระยานมาศ ถวายเครื่องนมัสการ

 

 

     นักแสดงจากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร แสดงละครสมโภชโรงราชรถและพระยานมาศตามโบราณราชประเพณีเรื่อง สังข์ศิลป์ชัย ตอน พระสังข์ศิลป์ชัยอัญเชิญราชรถ

     จากนั้นประธานฯ ไปยังโต๊ะเครื่องบวงสรวง อธิษฐานจิตขอพระราชทานจากบูรพมหากษัตริย์ เทพเทวา ขออนุญาตเคลื่อนขบวนราชรถและพระยานมาศออกจากโรงราชรถ ระหว่างนั้นเจ้าพนักงานประโคมฆ้อง สังข์ บัณเฑาะว์

 

 

ได้เวลามหัทธโนฤกษ์ เคลื่อนขบวนราชรถออกจากโรงราชรถ

     และช่วงที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อได้เวลามหัทธโนฤกษ์ 14.51 น. เจ้าหน้าที่ประจำราชรถเคลื่อนขบวนตามลำดับดังนี้ ราชรถปืนใหญ่ ราชรถน้อย และพระมหาพิชัยราชรถ

 

 

     พลฉุดชักจำนวน 40 นาย อัญเชิญ ราชรถปืนใหญ่ ออกจากโรงราชรถมาเป็นลำดับแรก และนี่ถือเป็นการเปิดโรงราชรถในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งไม่มีใครอยากให้มีการเปิดประตูบานนี้ เพราะนั่นหมายถึงคนไทยกำลังมีความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน

     ราชรถปืนใหญ่ เป็นราชรถที่เชิญพระโกศพระบรมศพ พระศพของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศ์ที่ทรงรับราชการทหารเมื่อครั้งดำรงพระชนม์ชีพแทนพระยานมาศสามลำคานตามธรรมเนียมเดิมจากพระบรมมหาราชวัง หรือวังของพระบรมวงศ์พระองค์นั้นๆ สู่พระเมรุมาศ หรือพระเมรุ และแห่อุตราวัฏ (เวียนซ้าย) รอบพระเมรุมาศ 3 รอบ ซึ่งธรรมเนียมใหม่นี้เกิดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพจอมพล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช เมื่อ พ.ศ. 2459 เป็นครั้งแรก

     และครั้งหลังสุดในการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เมื่อ พ.ศ. 2493

 

 

     ลำดับต่อมาคือการอัญเชิญ ราชรถน้อย ซึ่งมีลักษณะเหมือนพระมหาพิชัยราชรถและพระเวชยันตราชรถ แต่มีขนาดเล็กกว่า ทำหน้าที่เป็นรถพระนำ หรือรถสวดสำหรับพระอ่านพระอภิธรรมนำกระบวน และสำหรับโยงภูษาโยงจากพระบรมโกศ

 

 

     และในลำดับสุดท้ายเป็นการอัญเชิญ พระมหาพิชัยราชรถ สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ใช้เพื่อการอัญเชิญพระโกศพระอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (ทองดี) ออกพระเมรุ เมื่อ พ.ศ. 2339 ต่อมาใช้อัญเชิญพระบรมโกศพระมหากษัตริย์ และพระโกศพระบรมวงศ์จนถึงปัจจุบัน

     พระมหาพิชัยราชรถเป็นราชรถที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ใช้พลฉุดชักเพื่อเคลื่อนพระมหาพิชัยราชรถทั้งหมด 216 นาย แบ่งเป็นส่วนด้านหน้า 172 นาย ด้านหลัง 44 นาย และพลควบคุม 5 นาย

 

 

     และในการประกอบพระราชพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินนำหน้าพลฉุดชักซึ่งอัญเชิญพระมหาพิชัยราชรถออกจากโรงราชรถ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ อธิบดี และรองอธิบดีกรมศิลปากร ร่วมในขบวนพลฉุดชักด้วย

     โดยต้นสายที่ 1 ของพระมหาพิชัยราชรถ พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ต้นสายที่ 2 พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ต้นสายที่ 3 นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้นสายที่ 4 นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้เดินอยู่ด้านหน้าการอัญเชิญ

 

 

     ต่อมาสำนักการสังคีต กรมศิลปากร จัดการแสดงระบำ ชุด ดาวดึงส์ โดยบทร้องของระบำชุดนี้เป็นพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ที่พรรณนาถึงความวิจิตรอลังการ ความงดงามโอฬารของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และทิพยสมบัติของพระอินทร์ ประหนึ่งว่าเหล่าเทวดานางฟ้าได้มาร่วมยินดีในความสำเร็จของพิธีการ

     จากนั้นนายกรัฐมนตรีโปรยข้าวตอกดอกไม้เครื่องสังเวยที่โต๊ะบวงสรวง เป็นอันเสร็จพิธี

     ภายหลังการอัญเชิญราชรถเคลื่อนออกจากโรงราชรถแล้ว ในเวลาต่อมาเจ้าพนักงานจะได้ฉุดชักราชรถ ราชยาน เข้าเก็บในโรงราชรถตามเดิม การบวงสรวงเป็นการขออนุญาตในการเคลื่อนราชรถนับแต่เวลานี้ต่อไปจนกว่าพระราชพิธีจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจากนี้จะถูกนำไปใช้ในการซ้อมริ้วขบวนในพื้นที่จริง

 

 

เฉลิมพระเกียรติยศสูงสุดตามโบราณราชประเพณีสู่ฟากฟ้าสุราลัย

     กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เป็นหน่วยงานหลักที่ได้รับมอบหมายให้จัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

     โดยกรมศิลปากรได้รับความร่วมมือจากกรมสรรพาวุธทหารบก กรมการขนส่งทหารบก และกรมอู่ทหารเรือ รวมทั้งบุคลากรในสายงานต่างๆ ของกรมศิลปากร ได้ดำเนินการบูรณะ ซ่อมแซม เตรียมความพร้อมของราชรถ พระยานมาศ และเครื่องประกอบที่จะใช้ในขบวนพระอิสริยยศในพระราชพิธีฯ ดังนี้ พระมหาพิชัยราชรถ ราชรถน้อย พระยานมาศสามลำคาน พระที่นั่งราเชนทรยาน และเกรินบันไดนาค รวมทั้งจัดสร้างพระราเชนทรยานน้อยและราชรถปืนใหญ่จนพร้อมเสร็จสมบูรณ์แล้ว

 

 

     ตามที่นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

     เพื่อให้การบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติยศทุกประการ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จึงได้รับมอบหมายให้จัดพิธีบวงสรวงการอัญเชิญราชรถและพระยานมาศหลังการบูรณปฏิสังขรณ์ออกจากโรงราชรถ เพื่อใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ตามโบราณราชประเพณี และเป็นการเฉลิมพระเกียรติอย่างสูงสุดเพื่อให้พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งเสด็จสู่ฟากฟ้าสุราลัย สถิตอยู่ในใจไทยทุกคน

     อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับราชรถ ราชยาน ได้ที่นี่

 

Photo:  สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising