×

นักวิเคราะห์คาด เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ก.พ. พุ่ง 7.8% จากผลของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่มีต่อราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์

06.03.2022
  • LOADING...
เงินเฟ้อ

การรุกรานยูเครนของรัสเซียซึ่งสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกจะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดเงินและตลาดทุนในสัปดาห์ที่จะถึงนี้

 

นักลงทุนต่างจับตารอดูตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์ของสหรัฐฯ ที่จะถูกเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (10 มีนาคม) โดยคาดว่าเงินเฟ้อมีโอกาสจะปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนมกราคม ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น

 

ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่เร่งตัวขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนเริ่มเทขายหุ้นและหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นพันธบัตรมากขึ้น ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวมาอยู่ที่ 1.72% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา

 

“เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในสัปดาห์ที่จะมาถึง แต่ดูเหมือนว่ารัสเซียกำลังเสริมกำลังและก้าวร้าวมากขึ้น ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือมีการเจรจาสันติภาพ ยีลด์ของบอนด์อายุ 10 ปี อาจเพิ่มขึ้น 10-15 จุด มันสามารถแกว่งได้ขนาดนั้น” จิม คารอน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์มหภาคของ Morgan Stanley กล่าว

 

ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเป็นสิ่งที่นักลงทุนจับตาเช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่ Fed จะไม่แสดงความเห็นต่อสาธารณะในช่วง Silent Period ก่อนการประชุมในวันที่ 16 มีนาคมนี้จะมาถึง

 

การเปิดเผยข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์หน้าจะมีเพียงตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในวันที่ 10 มีนาคมเท่านั้น โดยนักเศรษฐศาสตร์หลายรายประเมินว่าตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 7.8% ซึ่งสูงกว่า 7.5% ในเดือนมกราคม

 

“ความเสี่ยงอยู่ในฝั่งขาขึ้น มันจะช็อกยิ่งขึ้นถ้าเงินเฟ้อออกมาสูงถึง 8%” มาร์ค แชนด์เลอร์ หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของ Bannockburn Global Forex กล่าว

 

นักลงทุนจะยังคงติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสำคัญ โดย S&P 500 ปรับลดลง 1.3% ไปเคลื่อนไหวอยู่ที่ 4,328 จุด ขณะที่ Nasdaq ปรับลดลง 2.8% ไปเคลื่อนไหวอยู่ที่ 13,313 จุด ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

“ตลาดหุ้นหลักกำลังอยู่ในเทรนด์ขาลง ไร้แรงส่ง ในระยะสั้นมันยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งเป็นลักษณะการเคลื่อนไหวของตลาดในเวลาที่เกิดวิกฤตความขัดแย้ง เราจะเห็นการแกว่งขึ้นและลงค่อนข้างมากเป็นเวลาหลายเดือนก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มนิ่งอีกครั้ง” พอล ฮิคกีย์ ผู้ร่วมก่อตั้งของ Bespoke กล่าว

 

ราคาน้ำมันในวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้น 7.4% ขึ้นไปยืนเหนือระดับ 115 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับจากปี 2008 จากความกังวลของตลาดหลังจากรัสเซียเข้าโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป

 

ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในสหรัฐฯ ทันที จากการที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในวันศุกร์ที่ขยับขึ้นไปสู่ระดับ 3.83 ดอลลาร์ต่อแกลลอน เพิ่มขึ้น 11 เซ็นต์ในหนึ่งวัน

 

“ในสัปดาห์หน้าค่าเฉลี่ยราคาน้ำมันในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 4 ดอลลาร์ต่อแกลลอน มันยังมีช่องว่างให้ราคาปรับสูงขึ้นได้อีกเพราะแม้ว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรจะไม่ได้คว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย แต่การคว่ำบาตรทางการเงินต่อรัสเซียก็ส่งผลให้ผู้ซื้อกังวลที่จะทำธุรกรรมกับรัสเซีย” จอห์น คิลดัฟฟ์ หุ้นส่วนของ Again Capital ระบุ

 

ผู้ค้าน้ำมันกำลังจับตาดูว่าอิหร่านจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการยุติโครงการนิวเคลียร์เพื่อแลกกลับการส่งน้ำมันกลับมาขายในตลาดได้อีกครั้งหรือไม่ โดยหากข้อตกลงดังกล่าวลุล่วงจะทำให้มีน้ำมันเพิ่มขึ้นในตลาดอีกราว 1 ล้านบาร์เรล แต่นักวิเคราะห์ยังมองว่าปริมาณดังกล่าวก็ยังไม่เพียงพอจะชดเชยน้ำมันของรัสเซียที่หายไป

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising