รัสเซียยืนยันว่า กำลังเดินแผนพัฒนาระบบขีปนาวุธใหม่ที่ยิงจากภาคพื้นดิน หลังสหรัฐฯ และรัสเซียทยอยประกาศไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีในสนธิสัญญาควบคุมนิวเคลียร์พิสัยกลาง (INF) อีกต่อไป ซึ่งถือเป็นสัญญาณเปิดฉากการแข่งขันสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์ครั้งใหม่ระหว่างสองมหาอำนาจคู่อริในยุคสงครามเย็น
เซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย เผยว่า รัสเซียกำลังพัฒนาขีปนาวุธแบบที่ยิงจากภาคพื้นดิน ซึ่งเคยถูกห้ามภายใต้ข้อบังคับของสนธิสัญญานิวเคลียร์พิสัยกลาง อย่างไรก็ตาม รัสเซียครอบครองเทคโนโลยีขีปนาวุธแบบที่ยิงจากทะเลและอากาศ ซึ่งสามารถนำมาใช้ผลิตขีปนาวุธรุ่นใหม่ได้ หลังจากที่หันหลังให้กับข้อตกลง INF แล้ว
ชอยกูระบุว่า ขีปนาวุธภาคพื้นรุ่นใหม่น่าจะพร้อมเข้าประจำการในกองทัพภายใน 2 ปีข้างหน้า
การระงับสนธิสัญญานิวเคลียร์ที่รัสเซียและสหรัฐฯ ลงนามในปี 1987 มีขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ เป็นฝ่ายประกาศยกเลิกก่อน โดยที่ผ่านมา สหรัฐฯ และพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ในยุโรป ต่างกล่าวหาว่า รัสเซียได้ละเมิดข้อตกลงควบคุมอาวุธนิวเคลียร์มาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งสร้างภัยคุกคามต่อความมั่นคงของภูมิภาคยูโร-แอตแลนติก
สหรัฐฯ และพันธมิตรมีหลักฐานบ่งชี้ว่าขีปนาวุธ Novator 9M729 ที่รัสเซียผลิตใช้ก่อนหน้านี้ มีพิสัยทำการอยู่ในช่วง 500-5,500 กิโลเมตร ซึ่งจัดอยู่ในระยะที่ถูกห้ามในสนธิสัญญาดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ขีปนาวุธรุ่นนี้ถูกติดตั้งประจำการแล้วจำนวนหนึ่ง โดยผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอาจติดตั้งแล้วมากถึง 100 ลูก
อย่างไรก็ตาม ชอยกูโต้แย้งว่า สหรัฐฯ ต่างหากที่เป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงก่อน เพราะพวกเขาพบว่า สหรัฐฯ ได้ซุ่มพัฒนาระบบขีปนาวุธภาคพื้นดินที่มีพิสัยทำการไกลกว่า 500 กิโลเมตร ซึ่งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จึงต้องสั่งการให้กระทรวงกลาโหมใช้มาตรการตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
