×

ผลล้มล้างคำตัดสินศาลสูงคดี Roe v. Wade และทรัมป์ ทำให้รีพับลิกันไปไม่ถึงฝันในเลือกตั้งกลางเทอม 2022

10.11.2022
  • LOADING...

ผลการเลือกตั้งกลางเทอมในคืนวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้นถือว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร เพราะพรรครีพับลิกันไม่สามารถเอาชนะเดโมแครตได้อย่างเด็ดขาดตามที่นักวิเคราะห์หลายคนได้ทำนายไว้ โดยในส่วนของสภาสูงนั้น พวกเขายังไม่สามารถพลิกกลับมาเอาชนะมลรัฐที่เดโมแครตครองที่นั่งอยู่ได้เลย (แต่ยังมี 3 มลรัฐที่ยังนับคะแนนไม่เสร็จ ได้แก่ แอริโซนา, เนวาดา และจอร์เจีย โดยที่คะแนนของสองพรรคสูสีกันมาก) แถมพวกเขายังต้องเสียที่นั่งของตัวเองที่เพนซิลเวเนียไปด้วยซ้ำ ทำให้โอกาสที่รีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาแทบจะเป็นศูนย์

 

ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎร ในขณะนี้ยังมีเขตการเลือกตั้งที่ยังนับคะแนนไม่เสร็จอยู่ประมาณ 20 เขต ทำให้ยังไม่อาจทราบได้ว่าพรรคใดจะเป็นฝ่ายครองเสียงข้างมาก แต่ก็คาดการณ์กันว่ารีพับลิกันจะเป็นฝ่ายชนะด้วยที่นั่งรวมที่ประมาณ 220-225 ที่นั่ง แปลว่าพวกเขาชิงที่นั่งมาจากเดโมแครตได้แค่ประมาณ 10 ที่นั่งเท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่พรรคของประธานาธิบดีมักจะเสียที่นั่งในการเลือกตั้งกลางเทอมโดยเฉลี่ยที่ 26 ที่นั่ง 

 

ไบเดนมีคะแนนนิยมในระดับต่ำ

ก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้ง เป็นที่คาดการณ์กันว่าเดโมแครตน่าจะแพ้ในศึกการเลือกตั้งกลางเทอม เพราะชาวอเมริกันไม่ชอบให้พรรคใดพรรคหนึ่งครองอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และคะแนนนิยมที่ตกต่ำของไบเดนจากปัญหาเงินเฟ้อและสินค้าราคาแพงก็น่าจะยิ่งทำให้ชาวอเมริกันหันไปลงคะแนนให้รีพับลิกัน เพื่อเป็นการลงโทษไบเดนจากการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาด (คะแนนนิยมของไบเดนตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 42% ไม่ต่างจากสมัยการเลือกตั้งกลางเทอมของทรัมป์ที่รีพับลิกันเสียที่นั่งไป 42 ที่นั่ง)

 

คดี Roe v. Wade

นักการเมืองของพรรคเดโมแครตรู้ดีว่าคะแนนนิยมของไบเดนนั้นตกต่ำ และเศรษฐกิจของประเทศก็กำลังประสบปัญหาเงินเฟ้อในระดับสูง ทำให้พวกเขาเลือกที่จะไม่หาเสียงด้วยการพูดถึงผลงานของรัฐบาล แต่เลือกที่จะพูดถึงกรณีการกลับคำตัดสินคดี Roe v. Wade ของศาลสูงสุดหรือ Supreme Court ซึ่งมีการออกคำพิพากษาใหม่เพื่อล้มล้างคำพิพากษาเดิมในคดี Roe v. Wade ที่ปกป้องสิทธิในการทำแท้งในช่วงแรกของการตั้งครรภ์แก่สตรีทั่วประเทศมากว่า 50 ปี ส่งผลให้การทำแท้งกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายในหลายรัฐ 

 

เดโมแครตพยายามโจมตีผู้สมัครของรีพับลิกันว่าเป็นพวกขวาจัด ที่จะเข้าไปในสภาเพื่อออกกฎหมายมาจำกัดสิทธิในการทำแท้งของสตรีชาวอเมริกัน (ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวอเมริกันกว่า 2 ใน 3 ไม่เห็นด้วย) และกลยุทธ์การหาเสียงของพวกเขาก็ดูเหมือนจะได้ผล เพราะผลเอ็กซิตโพลพบว่า ชาวอเมริกันที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเกือบ 30% ระบุว่าสิทธิในการทำแท้งเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของการเลือกตั้งครั้งนี้

 

ทรัมป์และเหตุจลาจลที่รัฐสภา

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พรรครีพับลิกันเสียคะแนนนิยมคือเหตุจลาจลที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคมปี 2021 ที่ผู้สนับสนุนของทรัมป์พยายามบุกเข้ายึดรัฐสภาเพื่อขัดขวางการลงคะแนนรับรองไบเดนเป็นประธานาธิบดี เพราะทรัมป์กล่าวหาว่าไบเดนโกงเลือกตั้ง (ซึ่งต่อมาก็มีการพิสูจน์แล้วว่าคำกล่าวหานี้ไม่จริง)

 

เหตุการณ์จลาจล ประกอบกับการที่ทรัมป์และนักการเมืองของรีพับลิกันหลายคนยังกล่าวอ้างซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ทรัมป์ไม่ได้แพ้เลือกตั้ง และมีการโกงการเลือกตั้งเป็นวงกว้างในปี 2020 ทำให้ชาวอเมริกันที่อยู่กลางๆ จำนวนมากไม่พอใจพรรครีพับลิกัน เพราะพวกเขามองว่าการกระทำของทรัมป์และพรรคพวกนั้นเป็นอันตรายต่อความมั่งคงของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย (และนี่ก็เป็นหนึ่งในประเด็นที่เดโมแครตใช้ในการหาเสียง รวมถึงการปราศรัยใหญ่ของไบเดนก่อนวันเลือกตั้ง)

 

ที่สำคัญ ทรัมป์ยังใช้ประเด็นเรื่องการโกงเลือกตั้งมาเป็นตัวตัดสินว่าเขาจะสนับสนุนใครในการเลือกตั้งขั้นต้น (กล่าวคือ เขาจะสนับสนุนผู้สมัครที่เห็นด้วยกับเขาว่าไบเดนโกงเลือกตั้งเท่านั้น) ทำให้พรรคได้ผู้สมัครแบบขวาจัดมาเป็นผู้แทนพรรคในหลายเขตเลือกตั้ง แล้วก็พ่ายแพ้ให้กับผู้สมัครจากเดโมแครตที่ดูมีความเป็นคนกลางๆ มากกว่า เช่น โดนัลด์ โบลดัก ที่แพ้ให้กับ แมกกี แฮสซัน ที่มลรัฐนิวแฮมป์เชียร์

 

ยุคหลังทรัมป์?

ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ทำให้นักการเมืองหลายคนของรีพับลิกันเริ่มย้อนกลับมาถามตัวเองแล้วว่า การที่พรรคยังให้ทรัมป์เป็นผู้นำพรรคนั้นถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะทรัมป์นำพรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้งติดต่อกันมาแล้วถึงสองครั้ง แต่อย่างไรก็ดีด้วยความที่ฐานเสียงของพรรคยังภักดีต่อทรัมป์มาก การที่ใครมาจะแย่งตำแหน่งผู้นำจากเขาได้นั้นคงยังเป็นเรื่องที่ลำบากมาก

 

ภาพ: Getty Images

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising