×

‘เฟียร์มิโน vs. โชตา’ คำถามสำคัญที่ เจอร์เกน คล็อปป์ ต้องตอบก่อนเจอแมนเชสเตอร์ ซิตี้

08.11.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 mins read
  • ก่อนการลงสนามพบแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คำถามที่น่าสนใจคือ เจอร์เกน คล็อปป์จะเลือกใครระหว่าง โรแบร์โต เฟียร์มิโน หรือ ดีโอโก โชตา
  • โชตาทำ 6 ประตูใน 4 นัดหลังสุด ขณะที่เฟียร์มิโนทำได้แค่ 3 ประตูจาก 30 นัดหลังสุด แต่เป็นนักเตะที่มีความสำคัญต่อทีมมากกว่าแค่เรื่องของการทำประตู

แน่นอนว่าการพบกันระหว่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้และลิเวอร์พูลในยุคนี้คือเกมสำคัญที่สามารถจะกลายเป็นจุดตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกได้

 

เหมือนในเกมที่แมนเชสเตอร์​ ซิตี้เฉือนเอาชนะลิเวอร์พูลได้ 2-1 ในฤดูกาล 2018-19 ซึ่งเป็นเกมเดียวที่ทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ พ่ายแพ้ในฤดูกาลนั้น และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา คว้าแชมป์ลีกได้แบบสุดมันในบั้นปลาย

 

และเหมือนกับในฤดูกาลที่แล้ว ที่ลิเวอร์พูลเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่แอนฟิลด์ ทำให้ทิ้งห่างไปเป็น 9 คะแนน และกลายเป็นการกำหนดทิศทางที่ทำให้คล็อปป์และลูกทีมแก้ตัวได้สำเร็จ และคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบ 30 ปีมาครองได้ในที่สุด

 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่อยู่ในความสนใจก่อนการพบกันครั้งนี้กลับเป็นคำถามของฝั่งลิเวอร์พูลที่เพิ่งจะโชว์ฟอร์มร้อนแรงในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ด้วยการบุกถล่มอตาลันตา 5-0 

 

คำถามที่ว่าคือ คล็อปป์จะเลือกใครลงสนามในแดนหน้า ระหว่าง โรแบร์โต เฟียร์มิโน กับ ดีโอโก​ โชตา

 

ที่เป็นคำถามขึ้นมา เพราะกองหน้าตัวใหม่เจ้าของค่าตัว 45 ล้านปอนด์จากวูล์ฟส์ กำลังอยู่ในช่วงที่ทำผลงานได้อย่างร้อนแรง โดย 11 วันที่ผ่านมาเขาลงสนาม 4 นัดและทำประตูทุกนัด ยิงรวมถึง 6 ประตู โดยที่ใช้เวลาในสนามทั้งหมดเพียงแค่ 248 นาทีเท่านั้น

 

นั่นหมายถึงทุก 41 นาทีที่โชตาลงสนาม เขาจะทำได้ 1 ประตู

 

ผลงานดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมกับอตาลันตา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแทนที่ของเฟียร์มิโน ที่ผลงานในระยะหลังตกลงอย่างน่าใจหาย แล้วทำแฮตทริกได้ทันที ทำให้มีกระแสเรียกร้องให้เขายึดตัวจริงใน 3 ประสานแนวรุก

 

นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ​ย้ายมาลิเวอร์พูลในปี 2017 และก่อกำเนิด 3 ประสานแนวรุกร่วมกับ ซาดิโอ มาเน และเฟียร์มิโน ที่มีกองหน้าที่สามารถจะเขย่าสถานะของ 3 กองหน้าที่ได้รับการยกย่องว่าเข้าขากันที่สุดในโลกได้

 

สิ่งที่น่าสนใจคือในเกมกับอตาลันตา กองหน้าชาวโปรตุเกสเหมือนจะเล่นแทนบทบาทของเฟียร์มิโน แต่ในระหว่างเกมแล้วเขาสลับกันยืนกับมาเนตลอดเวลา สร้างปัญหาให้แนวรับคู่แข่งที่เดาทางลำบาก

 

ในระหว่างเกม โชตาอาจจะไม่ได้ลงมาช่วยเชื่อมเกมมากเท่ากับกองหน้าชาวบราซิล แต่ความสามารถในการชิงจังหวะฉีกแนวรับเพื่อทะลุทะลวงเข้ากรอบเขตโทษทำให้เขาได้ถึง 3 ประตู และความจริงมีโอกาสมากกว่านั้นด้วยซ้ำไป

 

กระทั่งคล็อปป์เองยังยอมรับผลงานว่า “ยังไม่มีระบบไหนในโลกที่จะป้องกัน 3 กองหน้าของเขาในคืนนี้ได้”

 

ที่บอกแบบนั้นก็เพราะดูเหมือนเคมีของโชตาจะสามารถเข้ากันได้ดีกับกองหน้าอีก 2 คนอย่างมาเนและซาลาห์ ซึ่งต่างมีความเร็วจัด ความคล่องตัว และความสามารถในการจบสกอร์ ทำให้จับทางได้ค่อนข้างยาก

 

เมื่อคิดถึงผลงานของเฟียร์มิโนที่ทำได้แค่ 3 ประตูจาก 30 นัดหลัง รวมถึงผลงานในภาพรวมยังดร็อปลงอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสิทธิภาพในการเล่น ความเฉียบคม หรือแม้แต่จุดเด่นที่สำคัญของเขาอย่างการเป็นตัวนำในการเพรสซิง เรื่องนี้จึงมีน้ำหนักขึ้นอย่างชัดเจน

 

 เฟียร์มิโนและคล็อปป์มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นในฐานะผู้จัดการทีมและลูกน้องที่ไว้ใจที่สุด

 เฟียร์มิโนและคล็อปป์มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นในฐานะผู้จัดการทีมและลูกน้องที่ไว้ใจที่สุด

 

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนคล็อปป์จะไม่ได้มองว่าเฟียร์มิโนเป็นปัญหาของทีม และพยายามออกมาปกป้องลูกทีมคนสำคัญอย่างจริงจัง

 

ในถ้อยคำของคล็อปป์มีการพูดถึงขั้นว่า “ถ้าไม่มีเฟียร์มิโน ลิเวอร์พูลก็คงไม่ได้มาถึงแชมเปียนส์ลีก”

 

สำหรับกุนซือชาวเยอรมันแล้ว เฟียร์มิโนคือผู้เล่นคนสำคัญที่สุดชนิดที่ขาดไม่ได้และไม่เคยหาใครทดแทนได้

 

หลักฐานคือใน 272 เกมที่คล็อปป์คุมทัพ เฟียร์มิโนลงเล่นมากถึง 242 นัด คิดเป็น 89 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเกมทั้งหมด!

 

แต่จำนวนเกมที่ลงสนามมากขนาดนี้ ไม่แปลกที่จะมีการมองว่ามีส่วนในการทำให้เฟียร์มิโนเองสภาพร่างกายและจิตใจไม่เต็มร้อย

 

อีกด้านคือการที่คู่แข่งเองก็รู้วิธีการเล่นและหาวิธีรับมือมาได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้การเล่นร่วมกันระหว่างเขาและซาลาห์กับมาเนไม่มีประสิทธิภาพเหมือนในฤดูกาลก่อนๆ ที่ร้อนแรงราวกับลาวาภูเขาไฟ

 

แล้วคล็อปป์จะดร็อปเฟียร์มิโนไหมถ้าเป็นเช่นนั้น?

 

ในความเห็นของนักวิเคราะห์คนดังอย่าง เจมี คาร์ราเกอร์ ซึ่งเป็นตำนานแห่งแอนฟิลด์ด้วยมองว่า ด้วยนิสัยของกุนซือชาวเยอรมันแล้ว การจะดร็อปเฟียร์มิโน หนึ่งในนักเตะที่เขาเชื่อใจมากที่สุดในเกมสำคัญกับแมนเชสเตอร์​ ซิตี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก

 

จุดแข็งของคล็อปป์คือเรื่องสายสัมพันธ์กับผู้เล่น ซึ่งการปกป้องอย่างเต็มที่ของเขาแทบจะเป็นคำตอบกลายๆ ว่า ไม่ว่าอย่างไรเฟียร์มิโนจะมีชื่อออกสตาร์ทในเกมที่เอติฮัด สเตเดียมอย่างแน่นอน

 

อีกอย่างคือแมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นหนึ่งในทีมที่เฟียร์มิโนถนัดจะเล่นด้วย เรียกว่าเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เพราะทีมคู่แข่งในระดับนี้จะมีพื้นที่ เวลา และโอกาสให้เขาได้แสดงผลงานได้ถนัดถนี่มากขึ้น

 

เฟียร์มิโนยังมีความสำคัญต่อระบบการเล่นของลิเวอร์พูลเหมือนที่คล็อปป์บอกว่าเขาเป็นเหมือน Engine หรือเครื่องยนต์ของทีม ซึ่งไม่ได้มีหน้าที่แค่การทำประตู แต่ยังรวมถึงการเพรสซิงในแดนบน การเชื่อมเกมรุก ถักทอการเล่นให้คนอื่นในทีม เปิดพื้นที่ เวลา และโอกาสให้คนอื่นในทีม การเล่นแบบคนไม่เคยเห็นแก่ตัวของเขาคือหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่นำลิเวอร์พูลมาถึงจุดนี้ได้

 

ขณะที่โชตาเองยังไม่เรียกร้องสถานะตัวจริง และยังสามารถถูกส่งลงมาเพื่อใช้เป็นทีเด็ดในยามคับขันของทีมได้

 

เพียงแต่สุดท้ายแล้วไม่มีใครรู้ใจของคล็อปป์ บางทีเราอาจจะได้เห็นโชตาออกสตาร์ทก่อน หรือทั้งคู่อาจจะออกสตาร์ทพร้อมกันก็เป็นไปได้เหมือนกัน

 

ในแง่ดีแล้วก็ถือเป็น ‘มิติ’ ใหม่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับลิเวอร์พูล และอาจเป็นการส่งสัญญาณอ้อมๆ ในเวลาเดียวกัน

 

คล็อปป์กำลังจะสร้างทีมชุดใหม่ และโชตาจะเป็นหนึ่งในแกนนำของทีมในอนาคต

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

FYI
  • ลิเวอร์พูลจับตามองโชตามาเป็นระยะเวลา 4 ปีแล้วตั้งแต่อยู่กับแอตเลติโก มาดริด ปอร์โต จนมาถึงวูล์ฟส์
  • ช่วงต้นปีที่ผ่านมา คล็อปป์ได้นั่งฟังการนำเสนอจากทีมงานถึง 4 ตัวเลือกที่จะเสริมแนวรุก โดยนอกจากโชตาแล้วอีก 3 คนคือ ติโม แวร์เนอร์ (แอร์เบ ไลป์ซิก), อิสไมลาร์ ซาร์ (วัตฟอร์ด) และโจนาธาน เดวิด (เกงค์)
  • แมนเชสเตอร์ ซิตี้อยู่ในอันดับที่ 11 เวลานี้ตามหลังจ่าฝูงเซาแธมป์ตัน 5 แต้มแต่ลงเล่นน้อยกว่า 2 นัด ซึ่งหากชนะลิเวอร์พูลได้ พวกเขาจะมีโอกาสขยับขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 6 ของตารางทันที
  • เป๊ป กวาร์ดิโอลา ค้นพบนักเตะกองหน้าจำเป็นคนใหม่เช่นกันคือ เฟร์ราน ตอร์เรส ปีกทีมชาติสเปนที่ซื้อมาจากบาเลนเซีย และลงเล่นแทนที่ของ เซร์คิโอ อเกวโร และ กาเบรียล เฆซุส ที่บาดเจ็บ เพียงแต่เป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวเท่านั้น
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising