×

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี จากคนที่ถูกมองข้าม สู่การเป็น ‘The Best’ ของวงการฟุตบอล

18.12.2020
  • LOADING...
Robert Lewandowski

HIGHLIGHTS

  • ครั้งหนึ่ง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ถูกสโมสรแจ้งว่าเขาหมดอนาคตกับทีม และถูกขายออกไปในราคาเพียง 1,000 ปอนด์
  • จากจุดต่ำสุดตั้งแต่ยังไม่เริ่มออกสตาร์ทชีวิตการเล่น เลวานดอฟสกีไม่เคยหันกลับไปมองอดีตอีกเลย และหมั่นฝึกฝนตัวเองอย่างแข็งขันจนพิสูจน์ตัวเองได้ในทุกระดับ และปัจจุบันได้กลายเป็นนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลกกับรางวัล The Best

ครั้งหนึ่งเราเคยเกือบสูญเสียยอดนักเตะที่ชื่อว่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ไปตั้งแต่ยังไม่มีโอกาสได้แจ้งเกิดในโลกของฟุตบอลด้วยซ้ำ

 

เรื่องราวนั้นเกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เมื่อเจ้าหนูโรเบิร์ตในวัย 17 ปี ซึ่งเพิ่งสูญเสีญคริสตอฟ คุณพ่อที่รักซึ่งเป็นแชมป์ยูโดระดับเยาวชนของยุโรปไปอย่างไม่ทันคาดคิด

 

ความจริงแล้วในช่วงนั้นเลวานดอฟสกีน้อยเพิ่งจะได้ย้ายจากเดลตา วอร์ซอว์ สโมสรเล็กๆ ในระดับดิวิชันที่ 4 ของโปแลนด์เพื่อมาอยู่กับลีเกีย วอร์ซอว์ สโมสรชื่อดังระดับต้นๆ ของประเทศได้ไม่นาน และความจริงมันก็ควรจะเป็นย่างก้าวที่สวยงาม

 

แต่อาการบาดเจ็บที่เข่าทำให้การพัฒนาของเขาในทีมสะดุด และนำไปสู่การตัดสินใจของสโมสรที่จะปล่อยตัวเขาออกจากทีม เพราะในเวลานั้นลีเกียมีศูนย์หน้าที่ดีกว่าแล้ว

 

ในวันที่ได้รับข่าวร้ายเลวานดอฟสกีช็อกและทำอะไรไม่ถูก ลำพังแค่ความเศร้าจากการสูญเสียคุณพ่อก็เลวร้ายมากพอแล้ว แต่การถูกปฏิเสธจากสโมสรทำให้ชีวิตของเด็ก 17 ปีคนหนึ่งถึงกับจมอยู่ในความมืดมนอนธการ

 

มืดในขนาดที่คุณแม่อิโวนาขับรถกลับบ้าน และทำอาหารปลอบใจให้ แต่เลวานดอฟสกีน้อยทานอะไรไม่ลงทั้งนั้น

 

แต่ชีวิตคนเราไม่ได้มีทางไปแค่ทางเดียว และดูเหมือนโชคชะตาจะไม่ได้ตั้งใจกลั่นแกล้งเขาเสียทีเดียว เพียงแค่อยากทดสอบจิตใจเท่านั้น

 

ในช่วงที่กำลังท้อแท้นั้น จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นสายจากสโมสรซนิกซ์ ปรุสซ์คอฟ สโมสรในระดับดิวิชัน 3 ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการซื้อผู้เล่นมาปั้นและขายทำกำไรนิดๆ หน่อยๆ 

 

สำหรับโรเบิร์ต นาทีนี้ต่อให้เป็นทีมในระดับดิวิชัน 3 ก็ดีกว่าไม่มีทีมใดสนใจเขาเลย และคิดขั้นต่ำที่สุดอย่างน้อยมันก็เป็นการก้าวหน้าจากระดับดิวิชัน 4 ขึ้นมาตั้งหนึ่งขั้น

 

ว่าแล้วเขาก็ตกปากรับคำที่จะย้ายมาร่วมทีมด้วย โดยซนิกซ์รีบดำเนินการขอซื้อตัวอย่างเป็นทางการจากลีเกียด้วยค่าตัวเพียงแค่ 1,000 ปอนด์ (ราว 40,000 บาท) เท่านั้น!

 

สำหรับซนิกซ์ เลวานดอฟสกีเป็นเหมือนลูกสนิชสีทองที่พวกเขาจับได้โดยบังเอิญ

 

สำหรับไอ้หนูที่หัวใจแตกสลาย ซนิกซ์คือบ้านหลังใหม่ของเขา

 

ถึงแม้จะได้รับค่าตอบแทนน้อยนิดเพียงแค่สัปดาห์ละ 230 ปอนด์ ซึ่งมีผู้เล่นบางคนในทีมที่ได้มากกว่าเขาถึง 3 เท่า แต่เลวานดอฟสกีไม่ได้สนใจตรงนั้น เขาพยายามอย่างเต็มที่ในการพิสูจน์ตัวเอง และผลลัพธ์ของความพยายามก็ทำให้เขากลายเป็นดาวเด่นของทีมในเวลาอันรวดเร็ว

 

ในฤดูกาลแรกเขาทำไป 15 ประตู และมีส่วนช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นไปสู่ดิวิชัน 2 และในปีถัดมาเขาก็ยิ่งระเบิดผลงานร้อนแรงขึ้นไปอีกโดยทำไป 21 ประตู ซึ่งโค้ชอย่าง ยาเซ็ก เกรมบ็อกกี ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งในฤดูกาลนั้นมองเห็นแววในตัวของศูนย์หน้าคนนี้

 

“เลวานดอฟสกี คือนักเตะที่มีพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ เขามีทุกอย่างในตัว ทั้งความทุ่มเท เทคนิค หรือความเร็ว” เกรมบ็อกกีกล่าว

 

“ลีเกียทำพลาดมหันต์ พวกเขาคิดว่าโรเบิร์ตน่าจะเป็นนักเตะที่ดี แต่พวกเขาคิดว่าพวกเขามีกองหน้าที่ดีกว่าในมือ ส่วนผมคุมซ้อมเขาแค่สองเดือนก็รู้แล้วว่าเขาเป็นนักเตะระดับทีมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครในทีมลีเกียมองเห็นเลย”

 

ผลงานดังกล่าวทำให้สโมสรในระดับลีกสูงสุดของโปแลนด์สนใจในตัวของเลวานดอฟสกีอย่างมาก รวมถึงลีเกีย สโมสรเก่าที่เคยมองข้ามเขามาก่อน และเป็นเรื่องตลกร้ายที่พวกเขาตัดสินใจพลาดอีกครั้งเมื่อหันไปเลือกเซ็นสัญญา มิเกล อาร์รัวบาร์เรนา ของเตเรนิเฟ จากสเปนแทน

 

อาร์รัวบาร์เรนา ไม่เคยทำประตูให้กับลีเกียได้แม้แต่ประตูเดียว ในขณะที่เลวานดอฟสกี ที่ย้ายไปอยู่กับเลช พอซนาน ทีมคู่ปรับของลีเกียด้วยค่าตัว 300,000 ปอนด์ (เท่ากับสโมสรเก่าได้กำไร 290,000 ปอนด์!) ก็พิสูจน์ตัวเองต่อไปเรื่อยๆ

 

จากกองหน้าร่างผอมบางที่ต้องไปเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายหรือปีกขวา เลวานดอฟสกีค่อยๆ แทรกตัวเข้ามาในทีม ชิงตำแหน่งจาก เฮอร์มาน เรนกิโฟ กองหน้าชาวเปรูได้สำเร็จ และในฤดูกาลแรกของลีกสูงสุดเขาทำได้ 18 ประตู ช่วยให้เลช พอซนาน คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของโปแลนด์ได้!

 

ผลงานดังกล่าวทำให้เขาถูก ลีโอ บีนฮักเกอร์ เรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ และแค่นัดแรกก็ทำประตูได้ทันทีในเกมกับซานมารีโน

 

ชีวิตของเลวานดอฟสกียังเหมือนนิยายดีๆ เรื่องหนึ่ง เมื่อเขาเริ่มอิ่มตัวกับการเล่นในประเทศ ความท้าทายในต่างแดนจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อคือ เขาเคยเกือบจะได้ย้ายมาเล่นให้กับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส อดีตแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อปี 1995 ที่จมอยู่ในระดับลีกรองของอังกฤษ

 

แต่เขาก็ไม่ได้เดินทางไปยังเมืองผู้ดีแต่อย่างใด! เพราะดันเกิดเหตุภูเขาไฟในไอซ์แลนด์ระเบิดเสียก่อน ทำให้การเดินทางทั่วยุโรปต้องหยุดชะงักในเวลานั้น

 

Robert Lewandowski

การย้ายมาอยู่กับดอร์ทมุนด์ คือก้าวสำคัญที่สุดในชีวิตที่เหมือนฟ้าลิขิต เพราะการย้ายทีมเกิดขึ้นได้เป็นเพราะภูเขาไฟในไอซ์แลนด์ระเบิด!

 

สุดท้ายเป็นโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่คว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์ในปี 2010

 

ชีวิตในบุนเดสลีกาของเขาก็ไม่ต่างอะไรจากที่เลช พอซนาน เมื่อเลวานดอฟสกีต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อเอาชนะใจนายใหญ่อย่าง เจอร์เกน คล็อปป์ ให้ได้

 

เวลานั้นคล็อปป์มั่นใจในตัวของ ลูคัส บาร์ริออส ศูนย์หน้าชาวปารากวัยมากกว่าเพียงแต่ความพยายามและความสามารถของเลวานดอฟสกีสามารถเอาชนะหัวใจของเจ้านายได้สำเร็จ และแน่นอนรวมถึงแฟนๆ Yellow Wall ด้วย

 

ช่วงเวลาที่ดอร์ทมุนด์นี่เองที่เลวานดอฟสกีได้รับการเจียระไนจนเปล่งประกายถึงขีดสุด โดยคล็อปป์ช่วยปั้นจนกลายเป็นหนึ่งในศูนย์หน้าที่น่าจับตามองมากที่สุดของยุโรป

 

ผลงานแจ้งเกิดเต็มตัวของเขาบนเวทีโลก คือการเหมาทำคนเดียว 4 ประตูในเกมกับเรอัล มาดริด ในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์​ลีก รอบรองชนะเลิศในฤดูกาล 2012-13 ก่อนที่เขาจะรู้ว่าชีวิตยังไปต่อได้อีก และตัดสินใจอำลาดอร์ทมุนด์เพื่อไปอยู่กับบาเยิร์น มิวนิก หลังจบฤดูกาลต่อมา แม้ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ทำร้ายความรู้สึกของคล็อปป์และแฟนบอลก็ตาม

 

จากจุดนั้นเลวานดอฟสกีไม่เคยหยุดพัฒนาจนถึงทุกวันนี้ ทุกปีศูนย์หน้ารายนี้เก่งขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งอายุมากการเล่นก็ยิ่งแหลมคม และทำให้เขาค่อยๆ ก้าวขึ้นมาสู่ระดับของ ‘ยอดมนุษย์ลูกหนัง’ เทียบเท่ากับ ลิโอเนล เมสซี และคริสเตียโน โรนัลโด

 

โดยเฉพาะในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งเมสซีและโรนัลโดเริ่มมีสัญญาณของความเสื่อมถอยอย่างชัดเจน ตรงข้ามกับเลวานดอฟสกีที่ยิ่งเปล่งประกายเจิดจ้า โดยเฉพาะกับบาเยิร์น มิวนิก ที่ทำไปถึง 55 ประตูจากการเล่นแค่ 47 นัด พาทีมพิชิต 3 แชมป์ในฤดูกาลเดียวทั้งบุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล และสำคัญที่สุดคือยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

 

“ผู้เล่นอย่างเลวานดอฟสกี มีสิ่งเดียวที่เขาคิดถึงคือเรื่องของความสำเร็จ” เกรมบ็อกกี นายเก่ากล่าวสรุปถึงตัวตนของยอดศูนย์หน้า

 

อย่างไรก็ดีเมื่อคิดถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวแล้ว กว่าจะมาถึงจุดที่ได้รับรางวัล The Best ของ FIFA ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวันทำได้

 

“นานมาแล้ว ผมจำได้ว่าผมเคยอยากได้รางวัลแบบนี้ และตอนนี้ผมได้รับรางวัลมาครองในที่สุด ดังนั้นเรื่องนี้จึงมีความหมายอย่างมากว่า ไม่ว่าคุณจะมาจากที่ไหนก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดมันอยู่ที่ว่าเราพยายามมากแค่ไหน”

 

ใช่แล้ว – มันอยู่ที่เราพยายามมากแค่ไหน!

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

FYI
  • โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี เคยบ่นเสียดายที่ปีนี้ไม่มีการประกาศรางวัลบัลลงดอร์ เพราะเชื่อว่าด้วยผลงานแล้วเขามีสิทธิ์จะคว้าลูกบอลทองคำมาครองได้ แต่อย่างน้อยก็ได้รางวัล The Best จาก FIFA
  • ก่อนหน้านี้ได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของ UEFA มาแล้ว
  • ผลงาน 63 ประตูจากการเล่นทีมชาติ 116 นัดทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของโปแลนด์
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising