วันนี้ (31 พฤษภาคม) กระแสต่อต้านการเหยียดสีผิวในสังคมอเมริกันที่ถูกปลุกขึ้นจากการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ชายผู้จบชีวิตลงจากการกระทำเกินกว่าเหตุของอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลุกลามบานปลายกลายเป็นเหตุจลาจลในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยขณะนี้ทางการอย่างน้อย 25 เมืองใน 16 รัฐของสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวแล้ว เพื่อควบคุมสถานการณ์ที่ปะทุหนักตลอดทั้งสัปดาห์ และมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
โดยนายกเทศมนตรีนครลอสแอนเจลิส ได้ประกาศขยายระยะเวลาเคอร์ฟิวให้พลเมืองอยู่แต่ภายในที่พักอาศัย ตั้งแต่เวลา 20.00-05.30 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา และอาจจะขยายเวลาออกไปอีก หากสถานการณ์โดยรวมยังคงบานปลายและยังไม่เข้าสู่ภาวะสงบเรียบร้อย นอกจากนี้เบเวอร์รีฮิลล์ก็เป็นอีกเมืองในรัฐแคลิฟอร์เนียที่ประกาศใช้มาตรการดังกล่าว
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า เหตุประท้วงได้ทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น บานปลายกลายเป็นเหตุจลาจลที่มีการทำลายทรัพย์สิน วางเพลิงและปล้นสะดมเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ โดยทรัมป์ยังยืนว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงสนับสนุนสิทธิในการชุมนุม หากการชุมนุมนั้นเป็นไปอย่างสันติ
“We support the right of peaceful protestors, and we hear their pleas. But what we are now seeing on the streets of our cities has nothing to do with justice or peace.” pic.twitter.com/ckZ28xXSkA
— The White House (@WhiteHouse) May 30, 2020
“การเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ที่เกิดขึ้นในเมืองมินนีแอโปลิส ถือเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่ควรเกิดขึ้น การจากไปของเขาทำให้พลเมืองอเมริกันทั่วประเทศเต็มไปด้วยความหดหู่ ความโกรธเเค้น และความโศกเศร้า
เรายังสนับสนุนการชุนนุมประท้วงอย่างสันติ และเรารับฟังข้อเรียกร้องของพลเมือง แต่สิ่งที่เราเห็นอยู่ตามท้องถนนในเมืองต่างๆ ขณะนี้ กลับเป็นการกระทำที่ไม่ได้เกิดจากความยุติธรรมหรือเป็นไปอย่างสันติเลย
โดยรัฐบาลสหรัฐฯ จะยังคงยืนหยัดต่อต้านความรุนแรง ความโกลาหล และความไม่สงบเรียบร้อย รวมถึงครอบครัวของจอร์จ ฟลอยด์ ผู้ชุมนุมประท้วงอย่างสันติและพลเมืองอเมริกันที่ประพฤติดี เป็นสุภาพชน คำนึงถึงความปลอดภัยและความมั่นคงของทั้งตนเองและผู้อื่น”
ภาพ: Scott Olson / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: