ทางการฝรั่งเศสยังคงพยายามควบคุมการก่อจลาจลที่เกิดขึ้นในหลายเมืองทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ได้มีการส่งกำลังตำรวจและทหารกว่า 45,000 นายเข้าควบคุมสถานการณ์ในเมืองต่างๆ เป็นคืนที่สาม และล่าสุดกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อจลาจลในหลายเมืองได้อีก 78 ราย โดยกว่า 20 รายจับกุมได้ในพื้นที่กรุงปารีสและบริเวณชานเมือง ขณะที่มีผู้ถูกจับกุมแล้วมากกว่า 700 รายในการก่อจลาจลตลอด 5 คืนที่ผ่านมา
การก่อจลาจลดังกล่าวปะทุขึ้นภายหลังการประท้วงกรณีตำรวจยิงสังหาร นาเฮล เอ็ม ชายวัยรุ่นชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรียวัย 17 ปี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (27 มิถุนายน) ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงได้มีการบุกทำลายและปล้นร้านค้า รวมทั้งจุดไฟเผารถยนต์และรถโดยสาร
โดยเมื่อช่วงเช้ามืดวานนี้ (2 กรกฎาคม) มีรายงานเหตุสะเทือนขวัญจากการที่ผู้ก่อจลาจลขับรถพุ่งชนประตูรั้วบ้านพักของ แวงซองต์ ฌ็องบรุน นายกเทศมนตรีเมืองไลเลส์โฮส บริเวณชานกรุงปารีส ก่อนจุดไฟเผารถจนลามไหม้บ้าน ส่งผลให้ภรรยาและลูก 2 คนวัย 5 และ 7 ขวบ ต้องหนีตายออกจากบ้าน ซึ่งกลุ่มผู้ก่อจลาจลยังพยายามยิงพลุจรวดเข้าใส่ โดยภรรยาของเขาได้รับบาดเจ็บขาหัก ส่วนลูกก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ซึ่งเขาประณามการกระทำที่เกิดขึ้นว่าเป็นการพยายามฆาตกรรม
ด้านอัยการฝรั่งเศสยืนยันว่าได้เปิดการสืบสวนในเรื่องนี้แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีเอลิซาเบธ บอร์น ได้ลงพื้นที่ในเมืองไลเลส์โฮส พร้อมประณามการก่อจลาจลที่เกิดขึ้น และยืนยันจะนำตัวผู้ก่อเหตุมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม
ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ได้มีการประชุมฉุกเฉินกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลเมื่อช่วงค่ำวานนี้ เพื่อหารือถึงแนวทางรับมือวิกฤตที่เกิดขึ้น และในวันพรุ่งนี้ (4 กรกฎาคม) จะมีการประชุมร่วมกับนายกเทศมนตรีทั้ง 220 เมืองที่เกิดการจลาจลด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สถานีโทรทัศน์ BFMTV ของฝรั่งเศส ได้เผยแพร่คำสัมภาษณ์ของหญิงชื่อว่านาเดีย ซึ่งระบุว่าเป็นยายของนาเฮล วัยรุ่นที่ถูกตำรวจฝรั่งเศสยิงเสียชีวิต โดยเธอได้เรียกร้องให้ยุติการก่อจลาจล และชี้ว่า กลุ่มผู้ก่อจลาจลนั้นใช้กรณีหลานชายของเธอเป็นข้ออ้างในการก่อความไม่สงบ
“ฉันบอกคนที่กำลังทำลายข้าวของอยู่ตอนนี้ว่าหยุดเถอะ อย่าทุบกระจก อย่าโจมตีโรงเรียนหรือรถโดยสาร หยุดเดี๋ยวนี้ นั่นคือบรรดาคุณแม่นะ คนที่กำลังขึ้นรถโดยสารและที่กำลังเดินออกไปข้างนอก” เธอกล่าว
ภาพ: Sebastien Salom-Gomis / AFP
อ้างอิง: