ต้นปีแบบนี้เหมือนซีรีส์เกาหลีพร้อมใจจัดพาเหรดแนวเมโลดราม่าให้ดูกันแบบรัวๆ ที่สำคัญทุกเรื่องคว้าเรตติ้งไปอย่างสวยงาม แต่ก็ต้องแนะนำให้คนดูปล่อยวางเรื่องความสมจริงเอาไว้เบื้องหลัง ทั้ง Marry My Husband ที่เหมือนพาผู้ชมเดินเล่นในสวนลำไยด้วยเนื้อหาย้วยๆ ในช่วงท้ายก็ได้เรตติ้งไปที่ 11.7% ในตอนที่ 11 Captivating the King ทัดดาว บุษยา เจ้าฮะเวอร์ชันเกาหลี คว้าไป 5.4% ในตอนที่ 6 และล่าสุด Queen of Divorce ชีวิตต้องสู้ของอดีตทนายหญิงแกร่ง เหมือนได้แรงบันดาลใจจากเพลงของ เปิ้ล ไอริณ ก็คว้าเรตติ้งไป 5.7% หลังออกอากาศเพียง 2 สัปดาห์ 

Queen of Divorce เป็นเรื่องราวของ คิมซารา (อีจีอา) อดีตทนายความหญิงที่ควบตำแหน่งสะใภ้ปลายแถวของบริษัทกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี เธอถูกบงการจากแม่สามี ซ้ำร้ายผัวตัวดียังทรยศนอกใจจนเป็นนิสัย เคราะห์หนักคือถูกใส่ร้ายจนต้องติดคุกแรมปี เพราะครอบครัวสามีวางแผนที่จะกำจัดเธอไปให้พ้นทาง แต่สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับเธอคือการถูกพรากลูกชายตัวน้อยไปจากอ้อมอกโดยไม่ทันตั้งตัว 

เมื่อปัญหาทำให้เธอเติบโต คิมซาราเปลี่ยนแปลงตัวเองสู่เวอร์ชันใหม่ ในจังหวะเดียวกับที่ลูกค้าเก่าที่เธอช่วยเหลือมาชักชวนให้ Stand on our legs ด้วยการเปิดบริษัท One Stop Service เกี่ยวกับการหย่าร้าง ชีวิตของคิมซาราก็ทะยานมุ่งพุ่งฟาดๆ เหมือนเฟอร์รารีไม่ติดเบรก สะสางสารพัดเคสแสบสันของชีวิตรัก โดยมี ดงกีจุน (คังกียอง) อดีตอัยการซึ่งผันตัวมาเป็นทนายคู่หู แต่เรื่องราวซับซ้อนไปกว่านั้นเพราะทั้งคู่เคยมีความสัมพันธ์ร่วมกันมาก่อน จึงทำให้ถ่านไฟเก่าส่อแววปะทุอยู่เรื่อยๆ กลายเป็นเลิฟไลน์สุดโรแมนติก

แม้จากเรื่องย่อซีรีส์เรื่องนี้อาจจะพาเราไปสู่เรื่องราวแนวเครียดๆ ได้ไม่ยาก แต่เปิดฉากมาก็พอจะเดาได้ว่า Queen of Divorce เลือกเส้นทางแอ็กชันเมโลดราม่าด้วยฉากคิมซาราในเวอร์ชัน James Bond ภาคผู้หญิง เข้าไปต่อสู้กับผู้ชายที่จับลูกไปขังเพื่อต่อรองเรื่องหย่าร้างกับภรรยา ก่อนจะพาผู้ชมย้อนกลับไปรู้จักชีวิตก่อนหน้าของราชินีแห่งการหย่าร้างที่บรรจุทุกองค์ประกอบของซีรีส์แนวเมโลดราม่าเอาไว้อย่างจุใจ 

คิมซาราเมื่อสองปีก่อนหน้านั้นคือผู้ถูกกระทำและมีรอยแผลเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เธอแต่งงานเข้าสู่ตระกูลทนายความชื่อดัง และโดนดูถูกเหยียดหยามสารพัดเพราะมีแม่เป็นแค่แม่ค้าขายอาหาร ทำให้เธอยอมทำทุกอย่างแม้แต่ขายวิญญาณตัวเอง ว่าความให้กับลูกค้าที่รู้อยู่แก่ใจว่าทำผิดเต็มประตูเพียงเพื่อแลกกับการยอมรับจากแม่สามี แต่ด้วยจิตสำนึกทำให้เธอกลับตัวและหันมาอยู่ข้างผู้หญิงด้วยกัน แต่ก็ยังไม่วายโดนครอบครัวสามียัดข้อหาให้ต้องติดคุก หนักกว่านั้นแม่ของตัวเองก็ต้องมาตายด้วยน้ำมืออดีตสามีไปอีก ที่สำคัญคือหลังออกจากคุกก็ยังทำงานกฎหมายไม่ได้ไปอีก 5 ปี กลายเป็นที่มาให้เปิดบริษัทกึ่งศาลเตี้ย เคลียร์ปัญหาการหย่าร้างในแบบฉบับของตัวเอง 

ความจริงแล้วในระยะหลังซีรีส์เกาหลีพยายามสร้างฮีโร่ของตัวเอง และมักจะออกมาในรูปแบบศาลเตี้ยอย่างที่เราได้ดูกันใน Vincenzo, Taxi Driver และ Vigilante ซึ่ง Queen of Divorce ก็เจริญรอยตามเส้นทางนั้น โดยให้คิมซาราพัฒนาเชิงบู๊ในคุกจนฝีไม้ลายมือแทบไม่ต่างจากหน่วย SWAT และใส่ความน่าสนใจด้วยการโฟกัสไปที่เพื่อนหญิงพลังหญิง แต่น่าเสียดายที่ในท้ายที่สุดเนื้อหาก็จมหายไปในวังวนละครน้ำเน่าอยู่ดี 

ข้อบกพร่องใหญ่ที่เห็นได้ชัดคือซีรีส์เรื่องนี้เต็มไปด้วย ‘เรื่องบังเอิญ’ ทั้งการที่อดีตอัยการดงกีจุนคือผู้กุมความลับคดีใหญ่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของคิมซารา และบังเอิญอีกที่ทั้งคู่เป็นแฟนเก่ากัน หรือในเหตุการณ์ฆาตกรรมที่ โนยุลซอง (โอมินซอก) อดีตสามีของคิมซาราสั่งฆ่าชู้รัก ก็บังเอิญอีกที่ลูกจ้างในร้านอาหารของแม่นางเอกดันไปรับจ๊อบในงานนั้นและถ่ายคลิปลับเอาไว้ได้ แล้วก็บังเอิญเข้าไปอีกที่ดงกีจุนคืออัยการที่เห็นความไม่ชอบมาพากลของคดีนี้ ตามมาด้วยจังหวะนรกที่คุณแม่เข้าไปในสำนักงานอัยการแล้วอดีตลูกเขยดันมาเจอจนโดนฆ่าปิดปากในที่สุด ยังไม่นับรวมแต่ละเคสการหย่าร้างที่นางเอกต้องสะสาง ก็มักจะเชื่อมโยงไปถึงบริษัทที่ปรึกษากฎหมายของครอบครัวอดีตสามีเสมอ 

ในส่วนของเลิฟไลน์ระหว่างคิมซาราและดงกีจุนก็เรียกได้ว่าถอดแบบเรื่องรักจากละครยุค 80 มาไว้ครบถ้วน ทั้งตัวนางเอกที่จำใจแต่งงานกับผู้ชายรวยเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่ฐานะการเงินกำลังระส่ำระสาย ยังไม่นับรวมคาแรกเตอร์แบนราบแบบขาวสุดดำสุดแทบทุกตัวละคร ทำให้แทบไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นว่าเนื้อหาจะพาคนดูไปทางไหน

สำหรับผู้เขียนค่อนข้างคาดหวังกับประเด็นเพื่อนหญิงพลังหญิงที่น่าจะเพิ่มอรรถรสให้กับเรื่องได้ไม่มากก็น้อย แต่กลายเป็นว่า Queen of Divorce เลือกที่จะสัมผัสประเด็นต่างๆ แค่ผิวๆ ทั้งที่มีทางแยกให้เจาะลึกในประเด็นเหล่านั้นให้น่าสนใจ ทั้งเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศที่นำไปสู่ภาวะจำยอมให้ต้องแต่งงาน หรืออย่างการเหมารวมภาพเกย์ที่ต้องปกปิดตัวตนเพื่อมีชีวิตสมรสแบบคนทั่วไป แต่ก็ลงท้ายที่ความรุนแรงและสร้างภาพให้เกย์เป็นตัวร้ายไม่ต่างจากละครเมื่อสามทศวรรษที่แล้ว 

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าหากปล่อยวางความสมจริงไว้เบื้องหลัง Queen of Divorce ก็มอบความบันเทิงในระดับไม่ซับซ้อนให้กับผู้ชมได้เหมือนกัน พิสูจน์ได้จากตัวเลขเรตติ้งที่ไม่ขี้เหร่ และยังเป็นการยืนยันได้ว่าคน Gen X ยังคงเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ยังดูโทรทัศน์อยู่ ทั้งจากเนื้อหาและอายุของนักแสดงในเรื่องที่เชื่อมโยงกับคนกลุ่มนี้ รวมถึงเนื้อหาที่ดูแล้วสบายใจไม่ปวดหัว ส่วนถ้าต้องการความแปลกใหม่ คงต้องฝากความหวังไว้ที่ออริจินัลคอนเทนต์ของบริการสตรีมมิงแทน

Queen of Divorce ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น. รับชมได้ที่ Viu