×

คุยกับ 5 สาว QRRA การคืนชีพวงครั้งที่ 3 และความลับที่ไม่เคยบอกใคร

09.02.2024
  • LOADING...

นับตั้งแต่ปล่อยผลงานเพลงซิงเกิลเดบิวต์ Miracle ออนแอร์ได้ประมาณ 2 เดือน 5 สาววง QRRA แห่งค่าย Independent Records นำโดย ฟ้อนด์-ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา, นิว-ชัญญาภัค นุ่มประสพ, นิกี้-วรินท์รัตน์ ยลประสงค์, ป๊อปเป้อ-พิณญาดา จึงกาญจนา และ ปาเอญ่า-นิพพิชฌาน์ พิพิธเดชา เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่แฟนเพลงเพิ่มขึ้น จากกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนๆ โดยเฉพาะในสนามของวงการ T-Pop

 

และอีกเช่นเคย THE STANDARD POP ได้โอกาสเปิดบ้านต้อนรับ 5 สาว พร้อมชวนพวกเธอมาอัปเดตชีวิตหลังเปลี่ยนปฏิทินขึ้นปี 2024 แบบจิปาถะ รวมถึงค้นหาคำตอบกันว่า หลังเพลง Miracle ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดี เปลี่ยนชีวิตพวกเธอไปมากแค่ไหน

 

เรามาคุยกับพวกเธอไปพร้อมๆ กันเลย 

 

อัปเดตชีวิตช่วงนี้กันหน่อย แต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง

 

ป๊อปเป้อ: เปิดปี 2024 มารู้สึกว่าชีวิตดูยุ่งมากเลย ด้วยความที่ทำงาน 2 วง (BNK48 กับ QRRA) ไม่ค่อยได้มีเวลาพบกับแฟนคลับ เพราะส่วนมากจะใช้เวลาประจำการซ้อมเต้น-ร้องเพลง แล้วก็รู้สึกว่ามกราคมของปีนี้มันยาวนานมาก แต่รู้สึกขอบคุณที่มันยาวนาน เพราะรู้สึกว่าจะได้มีเวลาทำในสิ่งที่ตั้งใจทำมากขึ้นในปีนี้

 

ฟ้อนด์: รู้สึกว่าลืมไปด้วยซ้ำว่าตอนนี้ขึ้นปีใหม่ 2024 แล้ว จะชอบนึกคิดหลายรอบว่ายังอยู่ปีเก่าอยู่เลย ก็รู้สึกเหมือนพี่ป๊อปเป้อว่า ทำไมมกราคมปีนี้มันค่อนข้างยาวนาน อาจจะเป็นเพราะว่าเรามีวันที่ว่างมากขึ้น 

 

เปิดปีใหม่มารู้สึกว่าได้พักเยอะขึ้น ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น มีเวลาไปกินข้าวกับครอบครัว เพราะในเวลาปกติเราแทบจะไม่มีเวลาไปกินข้าวกับครอบครัวด้วยซ้ำ แต่ว่าปีนี้ก็ได้ไปกินกับครอบครัวมาแล้ว 2 ครั้ง ก็เลยรู้สึกว่าเป็นปีที่เราได้พักผ่อนมากขึ้นมากกว่าปีที่แล้ว แต่ก็มีความตื่นเต้นและลุ้นว่าเส้นทางชีวิตของเราในเดือนหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะปกติจะไม่ค่อยมานั่งคิดเท่าไร แต่พอมาในปีนี้เราก็เริ่มคิดแล้วว่า เราจะทำอะไรดีนะ เราจะเป็นอย่างไรต่อไป มันจะคิดเป็นเดือนต่อเดือน ซึ่งปกติจะไม่ค่อยคิดล่วงหน้าเท่าไร 

 

อะไรคือสิ่งที่ทำให้เราคิดถึงอนาคต?

 

ฟ้อนด์: อาจจะเป็นเพราะสิ่งที่น่าตื่นเต้นกำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ เราไม่รู้ว่าเราจะได้ทำอะไรบ้างในปีนี้ อย่างวง QRRA เราก็ตื่นเต้นกับทุกอย่าง ในทุกๆ กระบวนการ เดือนหน้าเราจะปล่อยอะไรบ้าง เราจะได้แสดงที่ไหนไหม หรือเราจะได้ทำเพลงอะไรอีก มันก็เลยชวนให้เราหันมาคิดทุกเดือนว่ามันจะมีอะไรสนุกๆ เกิดขึ้นในเดือนหน้าไหม 

 

 

นิกี้: ส่วนคำตอบหนูจะแปลกจากคนอื่นนิดหนึ่ง คือหนูรู้สึกว่าเราเปิดปีใหม่มาไม่ค่อยดีเท่าไร คือปีก่อนหน้านี้หนูรู้สึกว่าตัวเองยังมีวันว่างให้ได้พักผ่อนบ้าง แต่พอมาปีนี้รู้สึกว่างานจะเริ่มเยอะขึ้น เมื่อสักครู่หนูเปิดตารางงานดู หนูไม่มีวันว่างที่มีช่องให้พักผ่อนเลย 

 

แล้วก็อาจจะด้วยความที่เจอมรสุมวันเกิด คือในทุกๆ ปีของหนูด้วยความที่หนูเกิดเดือนมกราคม แล้วหนูก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะหนูมักจะเจอเรื่องซวยในวันเกิด ก็คิดว่าปีถัดไปน่าจะต้องทำบุญวันเกิดบ้างแล้ว ทั้งที่ส่วนตัวก็ไม่ค่อยได้เชื่อด้วย แต่พอเจอบ่อยก็ทำให้คิดว่าจะต้องลองดูบ้าง 

 

นอกจากเรื่องงาน ยังมีเรื่องปัญหาครอบครัวที่คุณแม่ประสบอุบัติเหตุตกบันไดด้วย หนูก็ต้องมาช่วยงานบ้านเยอะขึ้น พอมันมีเวลาว่างน้อย บวกกับอุบัติเหตุของแม่ที่เกิดขึ้น หนูรู้สึกว่าเราต้องเฉลี่ยเวลามาทำงานบ้านเยอะขึ้น จากเดิมทีที่จะแบ่งทำกับคุณแม่ มันเลยทำให้แพลนที่หนูจะทำในแต่ละวันถูกเลื่อนออกไป เหมือนทุกอย่างไม่เป็นไปตามแพลน มันก็ทำให้หนูมีความรู้สึกดาวน์บ้างในบางที แล้วตอนนี้ก็ยังมีอาการป่วยด้วย น่าจะเป็นเพราะเวลาพักผ่อนน้อยด้วยค่ะ แต่ก็คิดว่าเดือนถัดไปน่าจะโอเคขึ้น น่าจะมีเวลาจัดการตัวเองมากขึ้น

 

ปาเอญ่า: รู้สึกเหมือนกันว่าเปิดปีมาด้วยเดือนมกราคมที่ยาวนานมากๆ เปิดปีมาแล้วเราได้ทำงานตั้งแต่วันแรก แทบไม่ได้พักเลย แล้วก็มีเรื่องของการเปิดเทอมด้วย แล้วเราก็มีงานของฝั่ง BNK48 ด้วย แล้วก็ทำงานกับฝั่ง QRRA เยอะมากเหมือนกัน แล้วช่วงนี้ก็รู้สึกว่าเป็นคนที่ลืมวันลืมคืน ลืมแม้กระทั่งว่าปีนี้เข้าสู่ปีใหม่แล้ว 

 

ช่วงที่ผ่านมาก็เจอมรสุมเหมือนกัน คุณพ่อป่วย เป็นช่วงที่รู้สึกเครียดมากๆ แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว เริ่มปีใหม่มาเราก็ได้ทำงานใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เรียกว่าเป็นงานที่ไม่เคยทำมาก่อน เดือนนี้เราก็ได้เริ่มทำกันแล้ว 

 

นิว: ของหนูเปิดปีใหม่ด้วยวันเกิด (2 มกราคม) ซึ่งก่อนหน้านั้นเรามีงานในวงเยอะมาก แต่ก็รู้สึกดีใจที่ในวันเกิดเรามันเป็นวันว่างพอดี ก็เลยได้มีโอกาสไปกินข้าวกับครอบครัว สำหรับหนูเปิดปีมาด้วยความแฮปปี้

 

แล้วก็รู้สึกเหมือนกันว่ามกราคมเป็นเดือนที่ยาวนานมากๆ แล้วก็คิดว่าปีนี้เราจะได้โฟกัสอะไรหลายอย่างมากขึ้น แล้วก็ใกล้เรียนจบแล้ว น่าจะได้โฟกัสกับการทำงานที่เราอยากจะทำมากขึ้น 

 

 

พาร์ตถัดมาเราชวนออริจินัลเมมเบอร์ทั้ง 3 คน (ฟ้อนด์, นิกี้ และนิว) ย้อนอดีตคุยกันว่า อะไรคือแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้พวกเธอไปต่อกับวง LYRA และ VYRA ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น QRRA 

 

นิกี้: พี่เลือกถามได้ถูกคนมาก เพราะหนูเป็นคนแรกที่ไม่มั่นใจว่าวงจะไปได้ต่อ (หัวเราะ) คือต้องย้อนกลับไปก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น QRRA มันก็คือช่วงที่ VYRA ไม่ได้ทำกิจกรรมเกี่ยวกับวงเลย เป็นช่วงที่เผชิญความไม่แน่นอน 

 

จุดเปลี่ยนมันคือตอนที่เราได้ไปล่องเรือปาร์ตี้กับเหล่าแก๊ง BNK48 รุ่น 2 ทางผู้บริหารก็เรียกเรา 3 คนไปคุยว่าอยากทำวงนี้ต่อไปไหม ซึ่งทั้งฟ้อนด์และนิวคือคนที่อยากทำต่อมากๆ ส่วนหนูเป็นเพียงคนเดียวที่รู้สึกไม่มั่นใจ เพราะตอนที่หนูมั่นใจกับ LYRA และ VYRA แต่เราก็พาวงไปกันไม่สุด มันก็ทำให้หนูเสียความมั่นใจกับวงไปประมาณหนึ่ง

 

ก็เลยเกิดความลังเลในใจว่าเราจะไปต่อดีไหม แต่หนูก็ยังรู้สึกว่าเราก็น่าจะลองอีกสักครั้งหนึ่ง ซึ่งมันคือครั้งที่ 3 ก็เลยหันมาตกลงกับอีก 2 คนที่เหลือว่าเราจะลุยกันต่อด้วยกัน แล้วก็มาหาสมาชิกเพิ่มด้วยกัน 

 

ฟ้อนด์: ถ้าถามหนูนะ ลึกๆ หนูรู้สึกว่าหนูยังอยากแก้ตัวกับสิ่งที่มันค้างคาในใจ สิ่งนี้มันเป็นเรื่องที่ติดค้างคาอยู่ในใจหนูมาตลอดระยะเวลาหลายปี ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่เคยมานั่งทบทวนว่าสิ่งที่ค้างอยู่ในใจเราคืออะไร เหมือนอย่างที่นิกี้บอกเลยว่าเราตั้งใจกับ LYRA และ VYRA ไว้มาก แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งโควิด ทั้งปัญหาต่างๆ มันเลยพาให้การทำหน้าที่ในฐานะศิลปินของวงนี้ของเราไปไม่สุดทางสักที 

 

ตอนนั้นก็เลยมาถามตัวเองว่าเราชอบที่จะอยู่ตรงนี้ เรารักในสิ่งนี้ไหม แล้วหนูก็ได้คำตอบว่าเราชอบที่จะทำมัน แล้วก็รู้สึกว่าสิ่งนี้มันไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ตลอดชีวิต พอถึงช่วงชีวิตหนึ่งเราก็ต้องหยุดทำมันแล้ว เพราะด้วยร่างกายเราหรือปัจจัยหลายสิ่งหลายอย่างมันจะไม่เอื้ออำนวย แม้ใจเราจะอยากทำก็ตาม 

 

เลยเกิดเป็นความรู้สึกว่าเวลานี้แหละ เราต้องทำมันอีกครั้ง เพราะมันไม่ใช่โอกาสที่เราจะได้รับมันมาทำง่ายๆ ก็เลยคิดว่าเรามาลองกันอีกสักตั้ง มาลองกันครั้งสุดท้ายดู หนูไม่รู้หรอกว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นอย่างไร ถ้าเราได้ลองทำมันอย่างเต็มที่ ไปจนสุดทางกับมันสักที อย่างน้อยเราก็จะไม่มีเรื่องให้ติดใจหรือค้างคาในชีวิตเราอีก

 

 

ทำไม 2 สมาชิกใหม่ต้องเป็นป๊อปเป้อและปาเอญ่า

 

นิว: ต้องบอกก่อนว่าก่อนมี 2 คนนี้เข้ามา เรามีการเปิดรับสมัครออดิชันให้คนที่สนใจได้เข้ามาลองออดิชันดู แล้วปาเอญ่าและพี่ป๊อปเป้อมีเคมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ แล้วถ้ามาอยู่กับพวกเรา 3 คน มันคงจะเป็นอะไรที่ดีมากๆ บวกกับความสามารถของทั้ง 2 คนที่แสดงให้เห็นว่าเขาไปได้ไกลมากกว่านั้น แล้วบางศักยภาพก็ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ในฐานะสมาชิกวง BNK48 ซึ่งคิดว่า 2 คนนี้จะเข้ามาเติมเต็ม QRRA ได้เป็นอย่างดี แล้วก็จะทำให้พวกเราเป็น 5 สาว QRRA ที่ลงตัวที่สุด 

 

 

ถาม 2 สมาชิกใหม่หลังจากที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน QRRA แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง

 

ปาเอญ่า: ที่จริงหนูก็อยากจะลองทำเพลงในอีกแนวทางหนึ่งนอกเหนือจาก BNK48 เพราะ BNK48 ก็จะมีแนวเพลงหรือระบบวงเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งหนูก็อยากลองมาทำงานกับวงที่มีความเป็นแนว T-Pop จริงๆ 

 

พอมีโอกาสนี้แล้วได้ออดิชันติดมาเป็น 1 ใน 5 สมาชิก QRRA ก็รู้สึกแฮปปี้มาก แล้วรู้สึกว่าเมมเบอร์ทุกคนเอ็นจอย มีแพสชันกับงานตรงนี้ค่อนข้างเยอะ ผลงานซิงเกิลแรกเราก็เลยทำออกมาด้วยความตั้งใจจริงๆ มันเป็นการทำงานที่เราได้เลือกสิ่งต่างๆ มากขึ้น ได้เลือกคอนเซปต์เพลงเอง รู้สึกเอ็นจอยที่จะทำมันมากๆ 

 

แล้วก็ค่อนข้างท้าทายด้วย เพราะเราเข้ามาในระบบ T-Pop ในช่วงที่ T-Pop มันบูมแล้ว ในอุตสาหกรรมนี้มีศิลปิน มีวงหลายวงมากๆ มันก็เกิดเป็นความท้าทายที่อยากจะทำให้วง QRRA เป็นวงที่มีคนมาเอ็นดู มีคนมาสนใจ เพราะ ณ เวลานี้ก็มีวงอีกหลายวงที่แฟนๆ ให้ความสนใจอยู่แล้ว

 

ป๊อปเป้อ: รู้สึกดีใจที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ QRRA เพราะมันทำให้หนูได้เห็นตัวเองในเวอร์ชันใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งมันทำให้ตัวเองมีความมั่นใจมากขึ้น แล้วก็อยากจะขอบคุณตัวเองที่วันนั้นร้องเพลงเพราะ (หัวเราะ) วันที่ออดิชันเป็นวันที่หนูรู้สึกว่าร้องเพลงเพราะที่สุดในชีวิต ชนิดที่ครูสอนร้องเพลงยังงง 

 

สิ่งที่ทำให้หนูรู้สึกว่าตัวเองร้องเพลงเพราะวันนั้นคือ หนูรู้สึกว่าจังหวะการร้องต่างๆ มันมาถูกที่ถูกเวลา แล้วมันก็เป็นเพลงที่หนูชอบมาก ฟังบ่อยด้วย ซึ่งปกติจะเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองขนาดนั้น แต่รู้สึกว่าวันนั้นมันคือวันของเรา

 

 

หลังจากที่เพลง Miracle ออนแอร์มาแล้ว 2 เดือน เพลงนี้เปลี่ยนชีวิตเราไปขนาดไหน 

 

ฟ้อนด์: ถ้าถามว่าเปลี่ยนไปมากขนาดไหน ก็คือโดนคนรอบข้างมาเต้นเพลง Miracle เป็นการแซวเป็นประจำ (หัวเราะ) อีกอย่างหนึ่งคือเราได้ออกอีเวนต์ในแบบที่แตกต่าง แบบที่เราไม่เคยทำกันมาก่อน แล้วพออีเวนต์มันเยอะขึ้น แล้วเราก็ได้แต่งตัวออกงานแต่ละวันแบบไม่ซ้ำกันเลย ซึ่งมันเป็นชุดที่พวกเราเลือกกันเอง มันเป็นสิ่งที่เราวางคอนเซปต์ไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเราอยากจะเปลี่ยนชุดในทุกงานที่เราไปแสดงเท่าที่มันเป็นไปได้ ได้เห็นตัวเองในมุมใหม่ๆ มากขึ้น ได้ทำงานหลากหลายมากขึ้น แล้วก็มีพี่ๆ ในวงการมาชมเพลงของเรา แล้วก็รู้จักพวกเรามากขึ้น เป็นจุดที่เรารู้สึกว่ามันคุ้มค่ามากๆ แล้วกับที่ทำมาทั้งหมด 

 

ปาเอญ่า: ได้ออกอีเวนต์ในรูปแบบที่ต่างจาก BNK48 มากขึ้น แล้วก็จะชอบเวลาที่ไปงานที่มีวงอื่นมาออกอีเวนต์ด้วย เพราะเรารู้สึกว่าเป็นโอกาสที่เราจะได้ทำโชว์ให้แฟนคลับของวงอื่นได้รับชมเพอร์ฟอร์แมนซ์ของเราด้วย ถือเป็นการตกคนเข้าด้อมของเราไปด้วยในตัว แล้วก็ดีใจที่ Fancam ของเราค่อนข้างแมส รู้สึกว่ามีคนรู้จักเรามากขึ้น เวลาไปออกงานไหนคนก็จะรู้จักว่าเราคือปาเอญ่า

 

ป๊อปเป้อ: อีเวนต์ที่สนุกแล้วก็ยังนึกถึง มาถึงตอนนี้น่าจะเป็นงานที่ไอคอนสยาม ที่เรามีแสดงอีก 2 เพลงก็คือ Vanilla กับ ต๊ะต่อนยอน…Hurry Up! เป็นการเต้นที่สนุกมาก แล้วก็ได้ทำโชว์ที่แปลกใหม่ หนูคิดว่าความสนุกของการทำวง QRRA คือการได้เป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด 

 

 

สิ่งที่ฮีลใจของเราได้ดีที่สุดเวลาเหนื่อย

 

ป๊อปเป้อ: หนูจะชอบหาวันว่างออกไปทำกิจกรรมที่ชอบ ทำในสิ่งที่อยากทำ ส่วนมากจะเป็นการดูหนัง แล้วก็หาของอร่อยกิน

 

ปาเอญ่า: เวลาที่ซ้อมมาหนักๆ หนูก็จะหาของอร่อยมากิน กินของที่อยากกิน เช่น ราเมนหรืออูนิ แล้วก็เป็นพวกขนมหวาน หนูเป็นคนที่ค่อนข้างเลือกอาหารการกินของตัวเอง เพราะว่าหนูเป็นคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย การเลือกอาหารการกินที่ดีก็จะเป็นการดูแลหุ่นอีกทาง ช่วงที่ทำงานหนักหรือซ้อมหนัก เป็นช่วงที่เราใช้พลังงานเยอะ ก็มักจะหาของกินบางอย่างที่อร่อยแต่มันอาจไม่ดีต่อร่างกายเข้ามาบ้าง เพื่อเป็นการให้รางวัลตัวเอง 

 

ส่วนเรื่องการฮีลใจหนูมักจะระบายด้วยการร้องไห้มากกว่า แบบปล่อยโฮไปเลย หรือไปปรึกษากับคนที่เราไว้ใจ ได้ระบาย ได้พูดกับใครสักคนที่เราไว้ใจ หรือร้องไห้บนรถก็มี หนูเป็นคนที่ไม่ค่อยอยากให้ใครเห็นว่าหนูอ่อนแอ หนูอยากให้ทุกคนเห็นว่าหนูเป็นคนเข้มแข็ง 

 

นิกี้: เวลาที่หนูรู้สึกเริ่มไม่ไหว หนูจะฮีลใจโดยการร้องไห้เหมือนปาเอญ่า เพราะช่วงเวลาหลังร้องไห้มันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น บางครั้งหนูเครียดมากๆ ก็จะเลือกปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาเลยโดยไม่สนว่าตรงนั้นคือที่ไหน การร้องไห้มันจะทำให้ร่างกายหลั่งออกซิโทซินออกมา มันช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นหลังจากนั้น

 

ฟ้อนด์: ส่วนของฟ้อนด์จะเหมือนกับนิกี้กับปาเอญ่า มันมีช่วงหนึ่งที่หนูกลับไปบ้านทุกครั้งแล้วหนูมีความรู้สึกอยากจะร้องไห้ เป็นทุกวันเลย สมมติว่ามันร้องไห้ไม่ออกก็จะเปิดเพลงเศร้าบิลด์อารมณ์ เพราะเราเคยอ่านเจอว่าการร้องไห้มันดีต่อปฏิกิริยาทางร่างกาย มันต้องระบายออกมาเพื่อให้เกิดความสุข 

 

แต่ก็มีบางทีที่รู้สึกเหนื่อยกับการร้องไห้ หนูก็จะพยายามไม่ขึ้นไปอยู่บนห้องคนเดียว เพราะเวลาอยู่คนเดียวมันจะรู้สึกดาวน์ ก็จะใช้เวลาไปกับการอยู่กับครอบครัว ให้คนในครอบครัวชวนเราคุยนู่นนี่นั่น ก็ช่วยได้เยอะมากๆ และอีกทางหนึ่งคือหนูจะไม่ค่อยกลับบ้าน เพราะเวลากลับบ้านแล้วไม่มีใครอยู่บ้านมันจะรู้สึกเหงา หนูจะชอบบอกหม่าม้าว่า พาหนูไปที่อื่นได้ไหม ไปเดินสวน ไปเดินตามห้างก็ได้ ที่ทำให้เรากลับบ้านดึกๆ ก็จะช่วยฮีลใจหนูได้ดีเหมือนกัน

 

นิว: หนูจะชอบถ่ายรูป ทำคอนเทนต์ลง Instagram การที่ได้ไปหาร้านอาหารอร่อยๆ วิวสวยๆ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ฮีลใจได้ และหนูเป็นคนที่เคลียร์ทุกอย่างที่อยู่ในใจได้เร็ว มันอาจจะมีบางครั้งที่มันยากสำหรับเรามากๆ แต่ก็จะพยายามให้ตัวเองเลือกโฟกัสและอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด แล้วก็จะกินพวกชาเขียว คุกกี้ ของอร่อยต่างๆ 

 

 

ด้วยความที่กระแส Soft Power ในบ้านเราเป็นที่พูดถึงค่อนข้างมาก เราจึงถือโอกาสนี้ถามทั้ง 5 สาวว่า ถ้าหากให้เราเลือกผลักดัน Soft Power ในประเทศนี้ได้ 1 อย่าง อยากผลักดันเรื่องอะไร 

 

นิกี้: หนูรู้สึกว่าช่วงหลังเวลาชาวต่างชาติมาเขาจะซื้อกางเกงตัวนี้ใส่บ่อยที่สุด ก็คือ ‘กางเกงช้าง’ หนูเคยอ่านเจอตามโซเชียลแล้วเห็นว่ามันค่อนข้างบูมและเป็นสิ่งที่เราน่าผลักดัน เพราะเป็นหนึ่งในสินค้าที่นักท่องเที่ยวซื้อกันเยอะมาก เราก็ควรผลักดันให้เป็นซิกเนเจอร์ของเราไปเลย แล้วล่าสุดก็มีกางเกงออกมาเป็นลายแมวจากทางโคราชด้วย

 

ฟ้อนด์: T-Pop ค่ะ ถือเป็นอุตสาหกรรมวงการบันเทิงที่สามารถเป็น Soft Power ให้กับประเทศไทยได้ เพราะตอนนี้กระแสของวงการก็ค่อนข้างบูมมากๆ เลยรู้สึกว่าอยากเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ชาวต่างชาติได้รู้จักกับวงการ T-Pop ของไทยมากขึ้น และถ้าสมมติว่าได้ขึ้นไปแสดงบนเวทีดังๆ ก็อยากขึ้นเวทีของ Coachella และ Big Mountain ค่ะ

 

นิว: ตลาดน้ำค่ะ เพราะรู้สึกว่าที่ต่างประเทศจะไม่ค่อยมีสิ่งนี้ด้วย แล้วมันก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่คลาสสิกของประเทศไทย แล้วก็เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นไทยด้วย 

 

ป๊อปเป้อ: เนื่องจากเป็นคนที่ชอบดูหนังค่ะ รู้สึกว่าหนังไทยหลายเรื่องจัดว่าดีมากๆ อยากผลักดันวงการภาพยนตร์ของไทยให้โกอินเตอร์ในระดับนานาชาติมากขึ้น 

 

ปาเอญ่า: วัดในประเทศไทยค่ะ หนูรู้สึกว่าวัดในเมืองไทยสวยมาก แล้วไม่ได้สวยแค่ในวัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลัก เพราะทุกวันนี้ชาวต่างชาติมักจะมาเที่ยวชมวัดในสถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นที่ยอดนิยมอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงในประเทศนี้มีวัดหลายวัดตามต่างจังหวัดที่หนูเคยมีโอกาสได้ไปแล้วรู้สึกว่าสวยเหมือนกัน เป็นสถานที่ Unseen ที่ชาวต่างชาติอาจจะยังไม่รู้จัก 

 

 

ช่วงสุดท้ายเราไม่มีอะไรจะถามเพิ่มเติม แต่เราอยากให้พวกเธอได้พูดความรู้สึกอะไรก็ได้ถึงสมาชิกวง QRRA ที่นั่งอยู่ข้างกาย เพื่อเป็นการส่งท้ายบทสนทนาครั้งนี้

 

ป๊อปเป้อ: อยากบอกว่าน้องฟ้อนด์คือคนที่สวยที่สุดในโลกเลยค่ะ 

 

ฟ้อนด์: อยากให้นิกี้เป็นคนที่มีรอยยิ้มทุกวัน ไม่ต้องมานั่งระบายอารมณ์ด้วยการร้องไห้ อยากให้พบเจอความสุขให้มากๆ 

 

นิกี้: อยากให้ปาเอญ่าได้กินของอร่อยเยอะๆ ขอให้มีความสุขในทุกๆ วัน 

 

ปาเอญ่า: พี่นิวหนูรู้สึกว่าเขาคือคนที่แฮปปี้ที่สุดอยู่แล้ว เขาดูเป็นคนไม่ค่อยมีเรื่องเครียด ก็ไม่รู้จะบอกอะไรนอกจากอยากเล่นกับหมาของพี่นิวค่ะ (หัวเราะ)

 

นิว: ขอให้พี่ป๊อปเป้อเป็นพี่ที่น่ารัก สดใส อบอุ่น และดูแลน้องๆ แบบนี้ไปนานๆ นะคะ 

 

ฟังเพลง Miracle | QRRA : https://www.youtube.com/watch?v=3e_XZpifRXc

 

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising