อิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา SET Index ปรับลดลงจากความกังวลสถานการณ์โควิด-19 ปัจจุบันตลาดปรับตัวขึ้นมา เพราะตลาดรับรู้ผลกระทบด้านลบไปมากแล้ว แต่นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์การเปิดเมือง และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ปัจจัยหลักที่ต้องจับตามองคือ การฟื้นตัวในระยะสั้นหลังการกลับมาเปิดเมือง รวมถึงการฟื้นตัวของจีน หากเห็นการนำเข้าของจีนที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลดีต่อภาคการผลิตของไทยให้ฟื้นตัวขึ้น และจะเชื่อมโยงไปถึงเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ในส่วนของไทยมีตัวชี้วัดที่น่าสนใจ ได้แก่ การใช้กำลังการผลิตและการเปลี่ยนแปลงการเข้าพักโรงแรม ซึ่งจะทำให้เห็นผลกระทบชัดเจน
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในระยะนี้ยังต้องจับตาการเปลี่ยนแปลงของตลาดในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้าที่การฟื้นตัวจะชัดเจนขึ้น ส่วนเม็ดเงินที่ธนาคารกลางหลายประเทศออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะคงอยู่ในตลาดราว 1-2 ปี ซึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญในการลงทุนคือจุดที่เงินเฟ้อจะฟื้นจากติดลบจะส่งผลดีต่อฝั่งหุ้น
ปรเมศร์ ทองบัว ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.บัวหลวง กล่าวว่า เมื่อไตรมาส 2 ปี 2563 หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นจุดต่ำที่สุดของปี เพราะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยคาดการณ์ว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะลดลง 48% และจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปี 2563
ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยต่ำ สภาพคล่องสูง และเศรษฐกิจมีทีท่าฟื้นตัว หนุนตลาดหุ้นในภาพรวม ทาง บล. ให้ความสำคัญกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงปี 2564 ในหุ้นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัว มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจคือ กลุ่มที่ราคายังไม่สูงมาก (P/E สูง) เช่น กลุ่มอาหาร (Meat) พาณิชย์
ขณะที่หุ้นกลุ่มที่จะฟื้นตัวหลังโควิด-19 และราคายังไม่ปรับขึ้นไปสูงนัก เช่น การเงิน เฮลท์แคร์ ฯลฯ รวมถึงกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น ท่องเที่ยว พาณิชย์ และอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามมี 3 เรื่องหลัก ได้แก่
- ผู้ติดเชื้อต่างประเทศยังทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่ควร
- ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา
- นโยบายช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
