***บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของหนัง***

หลังจากสตรีมทาง Netflix เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา Purple Hearts ก็ขึ้นอันดับหนึ่งในหลายประเทศ ส่วนในไทยก็ติดอยู่ในอันดับ Top 10 พร้อมๆ กับคะแนนที่ต่างกันลิบลับใน Rotten Tomatoes คือนักวิจารณ์ให้ 36% ส่วนคะแนนจากคนดูอยู่ที่ 79% ก็พอจะเดาได้ว่าหนังเรื่องนี้อาจไม่ได้ดีมาก แต่ไม่พร่องเรื่องความบันเทิง 

Purple Hearts เล่าเรื่องของ Cassie (Sofia Carson) สาวเสรีนิยมสู้ชีวิตผู้ทำงานทุกอย่างเพื่อสานฝันการเป็นนักร้อง เธอป่วยเป็นโรคเบาหวานแต่ไม่มีเงินพอที่จะรักษา ในจังหวะนั้นก็ได้พบกับ Luke (Nicholas Galitzine) นาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่เข้ารับราชการทหารเพื่อพิสูจน์ตัวเองกับพ่ออีกครั้ง หลังจากที่เขาใช้ชีวิตนอกลู่นอกทางสร้างหนี้สินกับนักค้ายา เมื่อคนร้อนเงินสองคนมาเจอกันจึงเกิดความคิดที่จะแต่งงานหลอกๆ เพื่อรับสวัสดิการทางทหาร นำไปสู่การเข้าไปสำรวจโลกที่แตกต่างของคนทั้งคู่ และกลายเป็นเรื่องรักโรแมนติกที่มีทั้งสุข เศร้า เคล้าน้ำตา

แง่งามของหนังเรื่องนี้คือการเล่าเรื่องรักธรรมดาของคนที่เรียกได้ว่าอยู่ชายขอบของสังคมอเมริกัน ทำให้นึกถึงหนังมนตร์รักชนชั้นล่างอย่าง Untamed Heart (1993) ผสมเข้ากับ A Star is Born (2018) ในแง่การเดินทางตามฝันของนางเอก และสอดแทรกความทุกข์ร้อนแบบมนุษย์ธรรมดาสามัญที่เราเองก็เคยเจอในชีวิตประจำวัน โดยตัวละคร Cassie เป็นลูกสาวของผู้อพยพ และมีประสบการณ์ไม่ดีกับระบบราชการ การเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ และทหาร ตามคำบอกเล่าของเธอว่าแม่มักเดตกับทหารในกองทัพ และจบแบบไม่สวยทุกครั้งไป ทำให้เธอกลายเป็นสาวเสรีนิยมที่เชื่อว่าสงครามเป็นเรื่องไร้สาระ และทหารเป็นพวกอำนาจนิยมและเหยียดเพศ เรียกได้ว่าถ้าอยู่เมืองไทยคงได้เจอ Cassie ในม็อบใดม็อบหนึ่งแน่นอน

Cassie ไม่ชอบ Luke ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ทั้งจากอาชีพและพฤติกรรมเหยียดเพศของเพื่อนในกลุ่มของเขา แต่เมื่อสถานการณ์บังคับให้ต้องแต่งงาน เธอก็ค่อยๆ เปิดใจและพบว่าภายใต้เครื่องแบบขึงขังคือผู้ชายอ่อนไหว รู้เจ็บ รู้กลัวไม่ต่างจากคนทั่วไป โดยหนังยังใส่ความโรเมนติกผ่านจดหมายรักที่ทั้งคู่จำเป็นต้องเขียนหากัน พร้อมแนะนำชีวิตของแต่ละคน ทำให้คนดูค่อยๆ หลงรัก Luke ไปพร้อมกับ Cassie  

นอกจากนี้หนังยังพาเราไปสำรวจชีวิตของทหารอเมริกันในอิรักผ่านตัวละคร Cassie ทำให้เราเข้าใจได้ว่าถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีอยากออกไปรบ และก็ไม่ใช่ทหารทุกคนจะกระหายสงคราม จนในที่สุด Luke ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงของเธอแบบไม่รู้ตัว

โดยภาพรวมหนังไม่ได้ถึงขั้นโปรทหาร แต่ย้ำในเรื่องของการเปิดใจ และมองทุกอย่างในทางสายกลางมากขึ้น และลดการตีตราคนแบบเหมารวม โดยสะท้อนออกมาในหลายๆ ฉาก อย่างเช่นฉากปะทะคารมระหว่าง Cassie กับเพื่อนในกลุ่มของ Luke เรื่องชาวอาหรับที่ทหารอเมริกันมองเป็นศัตรู 

แต่ในขณะเดียวกัน Cassie ก็มองทหารอเมริกันในแง่ลบแบบเหมารวมด้วยเหมือนกัน 

 ถึงจะพูดเรื่องทหารและสงครามแต่ Purple Hearts ก็ไม่ใช่หนังรักระหว่างรบเสียทีเดียว เพราะด้วยสถานการณ์บางอย่างในเรื่องทำให้ทั้งคู่ต้องกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันฉันสามีภรรยาจริงๆ คราวนี้หนังเริ่มสอดแทรกเรื่องแนวคิดความเป็นชายและหญิงจากคนสองขั้วเข้ามาแทนที่ รวมทั้งมุมมองเกี่ยวกับเรื่องความรัก จนเกิดเป็นแรงปะทะและค่อยๆ จูนหาจุดสมดุล ในขณะที่ระหว่างทางก็สอดแทรกเรื่องสุขเศร้า เคล้ากับเสียงเพลงที่นางเอกแต่งขึ้นจากแรงบันดาลใจที่เธอไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาจากผู้ชายที่เธอเคยไม่ชอบขี้หน้า  

สำหรับความคิดเห็นของผู้เขียน Purple Hearts ค่อนข้างตั้งใจขายความสามารถของ Sofia Carson ทั้งในแง่ของการเป็นนักร้องและการเป็นนักแสดง จนมีหลายๆ ฉากที่ค่อนข้างเยิ่นเย้อไปหน่อย รวมทั้งเธอก็ดูตั้งใจแสดงจนขาดเสน่ห์ ในทางกลับกันการแสดงของ Nicholas กลับดูล้ำลึก และสัมผัสได้ถึงความอ่อนไหว โรแมนติก จนกลายเป็นที่รักของคนดูได้ไม่ยาก โดยเฉพาะทางลงในตอนจบ ที่ทำให้ตัวละคร Luke กลายเป็นผู้ชายในฝันของสาวๆ เลยทีเดียว 

สรุปแล้ว Purple Hearts คือหนังรักดูสนุกแบบไม่เลี่ยน เหมือนค่อยๆ เติมน้ำตาลในกระแสเลือดที่เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการดูหนังที่ไม่ต้องคิดมากเพื่อที่สุดท้ายจะได้หัวใจอิ่มฟูต่อสู้ชีวิตในวันต่อไป