พฤกษา โฮลดิ้ง เผยผลประกอบการ 9 เดือน รายได้รวม 15,607 ล้านบาท ลดลงจากพิษเศรษฐกิจและการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น แต่ธุรกิจเฮลท์แคร์โตแรง พร้อมเดินหน้ารุกตลาดที่อยู่อาศัยแบบ Wellness Residence และพัฒนาโครงการเจาะกลุ่มสูงวัยเต็มรูปแบบ
อุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีเปิดโครงการใหม่ 8 โครงการ รวมมูลค่า 10,085 ล้านบาท โดยที่เปิดไปแล้วมีโครงการ Chapter One More Kaset ที่เปิดในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งลูกค้าเรียลดีมานด์ (Real Demand) และกลุ่มนักลงทุน ปัจจุบันมีการจองแล้วกว่า 42%
คาดว่าทั้งปีจะเปิดโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 18 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีโครงการไฮไลต์ ได้แก่ ThePalm Residences Pattanakarn ซึ่งเป็นโครงการ Wellness Residence เต็มรูปแบบในเซกเมนต์ซูเปอร์อัลตราลักชัวรี (Super Ultra Luxury) โครงการแรกของพฤกษา ภายใต้แนวคิดผสานการดูแลสุขภาพ Well-living Mastery ซึ่งจะเริ่มเปิดพรีเซลในช่วงปลายเดือน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘พฤกษา’ หนียอดปฏิเสธสินเชื่อบ้านใหม่สูง หันโฟกัสบ้านราคา 3-7 ล้านบาท ลดสัดส่วนต่ำกว่า 3 ล้านบาทจาก 70% ให้เหลือ 40%
- พฤกษา ร่วมทุน ออริจิ้น ปั้น 3 โปรเจกต์ โรงแรม-คอนโด-บ้านเดี่ยว บน Prime Area รวมมูลค่า 8.7 พันล้านบาท
- พฤกษา โฮลดิ้ง ทุ่มงบกว่า 300 ล้านบาท ซื้อหุ้นรวม 35% ในโรงพยาบาลผู้สูงอายุครบวงจร แบรนด์ Chersery Home ดันไทยขึ้นแท่น Senior Destination
เรียกได้ว่าปีนี้พฤกษารุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นเรื่องของสุขภาพ หลังจากเปิดโครงการ Wellness Residence รวมมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 50% จากมูลค่าโครงการเปิดใหม่ทั้งปีและในปีหน้าที่มีแผนจะพัฒนาโครงการเจาะกลุ่มผู้สูงวัยที่เกษียณอายุ
สำหรับภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีรายได้รวม 15,607 ล้านบาท ลดลง 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจและการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีความเปราะบาง แต่บริษัทสามารถรักษากำไรขั้นต้นที่ 5,118 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 32.8%
จากการใช้กลยุทธ์ด้านราคาที่ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคในช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังซบเซา ในขณะเดียวกันธุรกิจเฮลท์แคร์ของพฤกษายังคงสร้างผลกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่อง ช่วยเสริมฐานรายได้ของบริษัทในภาพรวม
ด้านกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือน อยู่ที่ 753 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากธุรกิจหลักลดลง แต่บริษัทยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ต้นทุนการเงินลดลงจากการจัดการยอดหนี้และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Gearing Ratio) อยู่ที่ 0.36 เท่า ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม สะท้อนถึงการบริหารจัดการทางการเงินที่มั่นคง
อุเทนกล่าวต่อไปว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทมียอดโอนอสังหาริมทรัพย์รวม 12,930 ล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโอนคอนโดมิเนียมใหม่จากโครงการ Chapter One All Ramintra และได้รับการตอบรับที่ดี จากการเปิดโครงการบ้านเดี่ยวใหม่อย่างโครงการ The Palm Bangna-Wongwaen 2 และโครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรีอย่าง The Palm Residences Watcharapol
นอกจากนี้บริษัทมีรายได้จากการขายที่ดินมูลค่า 2,413 ล้านบาท เพื่อใช้ในการ พัฒนาโครงการร่วมกับบริษัทพันธมิตรในอนาคต และยังมียอดขายรอโอน รวม 5 พันล้านบาท โดยมีโครงการพร้อมอยู่ในมือรวมมูลค่ากว่า 8,369 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่มีมูลค่าน้อยกว่า 7 ล้านบาทกว่า 82% ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนลงเหลือ 0.01% และสามารถเร่งโอนรับรู้เป็นรายได้ในสิ้นปีนี้ พร้อมกับได้จัดแคมเปญโปรโมชัน Last Chance โดยการนำบ้านในสต็อกมาปรับราคา ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น
ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์โตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวม 9 เดือนแรกที่ 1.6 พันล้านบาท เติบโต 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้จากการรักษาคนไข้นอกเพิ่มขึ้น 25% และคนไข้ในเพิ่มขึ้น 22% โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี บวกกับค่าเสื่อมราคาและจัดจำหน่าย (EBITDA) 197 ล้านบาท
สะท้อนความพยายามของกลุ่มในการเร่งผลักดันการขยายบริการด้านสุขภาพให้เข้าถึงผู้ป่วย และลูกค้าที่ซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ของพฤกษา ซึ่งในเดือนตุลาคมที่ผ่านมายังได้ขยายบริการด้านศัลยกรรมและระบบทางเดินปัสสาวะ
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการที่ยืดหยุ่น และปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาด เพื่อให้มีความพร้อมขยายธุรกิจเฮลท์แคร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเสาหลักที่สำคัญในการเติบโตของพฤกษาต่อไปในอนาคต