แม้ตลาดซื้อ-ขายนักเตะรอบฤดูร้อนได้ปิดทำการไปตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ควันหลงในแง่ของสถิติและตัวเลขต่างๆ ยังคงมีเรื่องราวให้พูดถึงอย่างน่าสนใจในหลากประเด็น
ตลาดซื้อขายรอบนี้จากการรายงานของ Sky Sports พบว่า ตลาดนักเตะรอบนี้มีการทุ่มใช้จ่ายเงินราว 1.24 พันล้านปอนด์ จากการเซ็นสัญญาถาวรกว่า 107 ครั้ง โดยพบว่าทีมที่ถลุงคลังมากที่สุดในตลาดรอบนี้คือ ‘สิงห์ไฮโซ’ เชลซี ที่พ้นจากการแบนตลาดนักเตะไม่นานก็กลับมาทุ่มซื้อนักเตะชนิดที่หลายทีมร่วมลีกได้แต่มองตาปริบๆ โดยเฉพาะเบิร์นลีย์ที่ใช้เงินประมาณ 1 ล้านปอนด์เท่านั้น เนื่องจากสโมสรมีงบประมาณที่จำกัดพอสมควร
นอกจากนี้ 3 นักเตะที่ค่าตัวแพงสุด ประกอบด้วย ไค ฮาเวิร์ตซ์ ของเชลซี 75.8 ล้านปอนด์, รูเบน ดิอาส ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 65 ล้านปอนด์ และ เบน ชิลเวลล์ ของเชลซี 50 ล้านปอนด์
ส่วนประเด็นการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดในแต่ละด้าน (Best Signings) จากการวิเคราะห์ของ The Guardian ระบุว่า การเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดยกให้รายของ ฮาเมส โรดริเกซ ที่เข้ามายกระดับการเล่นของเอฟเวอร์ตันแบบทันตาเห็น, การเซ็นนักเตะอายุน้อยที่ดีที่สุด เป็นไกเซอร์หนุ่มวัย 20 ปี ไค ฮาเวิร์ตซ์ ของเชลซี, การเซ็นสัญญาเพื่อยกระดับทีมได้ดีที่สุดเป็น ติอาโก อัลกันตารา ของลิเวอร์พูล และการเซ็นสัญญาที่สำคัญที่สุดตกเป็นของ โธมัส ปาร์เตย์ ที่อาร์เซนอลตัดสินใจยอมทุ่มเงิน 45 ล้านปอนด์คว้าตัวมาในวันสุดท้ายของตลาดซื้อ-ขายจากแอตเลติโก มาดริด
ขณะที่ประเด็นการตัดเกรดที่วัดกันที่เรื่องตลาดซื้อขายแบบเพียวๆ สื่อเมืองผู้ดีอย่าง BBC Sport ลงความเห็นว่า ทีมที่ถูกยกให้เป็น ‘ผู้ชนะ’ ในตลาดซื้อขายรอบนี้เป็น แอสตัน วิลลา และเอฟเวอร์ตัน ที่สร้างผลงานอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด เพราะเป็น 2 ทีมที่ครองหัวตารางในปัจจุบัน
ในมุมกลับกัน ทีมที่ถูกยกให้เป็น ‘ผู้แพ้’ ในตลาดซื้อขายรอบนี้คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเวสต์แฮม ยูไนเต็ด โดยเฉพาะในรายแรกที่เหล่านักวิเคราะห์มองไปทิศทางเดียวกันคือ การพลาดตัว จาดอน ซานโช รวมถึงนักเตะระดับบิ๊กเนมที่มีข่าวด้วยก่อนหน้านี้
THE STANDARD ได้ทำการรวบรวมข้อมูลในเชิงตัวเลข พร้อมเกร็ดข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ มาให้ผู้อ่านได้ติดตามกันว่า ในภาพรวมตลาดซื้อขายที่เกิดขึ้นตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
