×

ประยุทธ์ เคาะกรอบงบประมาณปี 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ลดลง 5.66% ชงเข้า ครม. 5 ม.ค. 2564

โดย THE STANDARD TEAM
23.12.2020
  • LOADING...
ประยุทธ์ จันทร์โอชา

วันนี้ (23 ธันวาคม) อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ร่วมกับ 4 หน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ประกอบด้วยสำนักงบประมาณ, กระทรวงการคลัง, สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมี อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม 

 

ขณะที่ เดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ได้แถลงผลการประชุม สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ 

 

การประชุมร่วม 4 หน่วยงานในวันนี้เป็นไปตามกฎหมายวิธีการงบประมาณเพื่อกำหนดวงเงินงบประมาณในปี พ.ศ. 2565 ซึ่งที่ประชุมมีมติให้สำนักงบประมาณนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาวงเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2565 ในวงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท โดยเป็นวงเงินที่ลดลงจากงบประมาณปี พ.ศ. 2564 จำนวน 185,900 ล้านบาทเศษ หรือลดลงร้อยละ 5.66 เป็นไปตามประมาณการด้านรายได้ที่กระทรวงการคลังประมาณการไว้ที่ 2.4 ล้านล้านบาท โดยจะเป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล 7 แสนล้านบาท ซึ่งมีสมมติฐานเศรษฐกิจและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ สศช. และ ธปท. ได้นำเสนอต่อที่ประชุม ขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในปี 2565 ข้อมูลจาก สศช. ได้ประมาณการว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 3.5 โดยในปี 2564 ได้กำหนดไว้ที่ร้อยละ 4 ส่วนอัตราเงินเฟ้อปี 2564 และปี 2565 อยู่ที่ร้อยละ 1.2 ขณะที่มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ปี 2565 อยู่ที่ 17.328 ล้านบาท สำหรับงบลงทุนในปี 2565 จะลดลงจากปี 2564 ที่วงเงิน 6.49 แสนล้านบาท หรือร้อยละ 19 ของวงเงินงบประมาณ โดยในปี 2565 ได้ตั้งงบลงทุนเบื้องต้นไว้ที่ 6.2 แสนล้านบาท คงไว้ตาม พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังฯ ที่ร้อยละ 20 ซึ่งสำนักงบประมาณจะได้นำเสนอรายละเอียดอีกครั้ง หลังจากนำผลการประชุมวันนี้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 5 มกราคม 2564 

 

นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้สำนักงบประมาณไปพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำให้ลดลงอย่างเหมาะสม โดยให้คงไว้สำหรับการดูแลงานประกันสังคม กองทุนหลักประกันสุขภาพฯ บัตรสวัสดิการต่างๆ รวมถึงกลุ่มเปราะบางทั้งหมด คนพิการ คนชรา เด็กเล็ก ตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมกำชับให้จัดสรรงบประมาณสำหรับการเยียวยากลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง 

 

สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำ ในปี 2564 ได้ตั้งไว้ที่ 2.537 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 77 ของวงเงินงบประมาณ ส่วนในปี 2565 ตั้งไว้ที่ 2.354 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 75 ของวงเงินงบประมาณ 

 

ทั้งนี้ สำนักงบประมาณมีนโยบายในการที่จะลดงบประมาณรายจ่ายประจำมาโดยตลอด โดยจะขอให้ส่วนราชการทบทวน โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประสิทธิภาพในการใช้จ่าย และผลสัมฤทธิ์ของการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ทั้งงบลงทุนและงบประจำ กรณีที่เป็นงบรายจ่ายประจำก็ต้องพิจารณาตามเกณฑ์ สำหรับงบรายจ่ายประจำในปี 2565 ในส่วนของค่าใช้จ่ายในรายการที่เกี่ยวกับด้านสังคมยังคงไว้ตามเดิม ไม่ได้ปรับลด 

 

สำหรับวงเงินดังกล่าวเป็นวงเงินเบื้องต้นที่จะต้องพิจารณาความจำเป็นและคำขอของส่วนราชการต่างๆ อีกครั้ง โดยจะมีการหารือกับส่วนราชการถึงความจำเป็นในการใช้จ่ายงบประจำหรืองบลงทุน ว่าสามารถชะลอได้หรือไม่ สามารถใช้มาตรการอื่นจากเงินนอกงบประมาณ เงินกองทุนที่มีอยู่ เช่น กองทุน Thailand Future Fund เป็นต้น ได้หรือไม่ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน PPP ที่จะต้องออกเป็นมาตรการ โดยพยายามรักษาวงเงินงบลงทุนในระบบเศรษฐกิจโดยรวมทั้งเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณให้สูงกว่าในปีที่ผ่านๆ มา ต้องขอความร่วมมือให้ช่วยกัน ซึ่งเลขาธิการ สศช. ได้ขอให้รัฐวิสาหกิจมีการลงทุนเพิ่ม โดยกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณจะไปพิจารณาว่ามีโครงใดที่ภาครัฐและภาคเอกชนจะทำร่วมกันได้บ้าง ในภาพรวมแล้ววงเงินงบประมาณปี 2565 และอื่นๆ ยังคงดีอยู่ เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวที่ร้อยละ 3.5 ได้ 

 

ขณะที่งบประมาณในส่วนที่เป็นสวัสดิการต่างๆ มีการตั้งงบประมาณไว้เพียงพออยู่แล้ว สำนักงบประมาณพยายามลดรายจ่ายประจำโดยต้องไม่กระทบต่อสังคม ยังมี พ.ร.ก. กู้เงินฯ ที่สามารถนำมาช่วยดูแลด้านของสังคม สำหรับรายจ่ายประจำที่สามารถชะลอ ลดลงได้ เช่น การเดินทางไปต่างประเทศ การประชุมสัมมนา New Normal ที่เป็นการประชุมทางไกล ที่ลดลงได้บางส่วน โดยส่วนที่จะลดลงได้คือ เงินที่จะสมทบรายการต่างๆ กองทุน ที่ส่วนราชการเสนอขอ ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่ากระทรวงการคลังจะขอคืนเงินกองทุนต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้มาเก็บชะลอไว้ก่อน สำหรับงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการที่อาจจะลดลง แต่รายได้ต่อหัว สวัสดิการเด็กนักเรียนยังครบถ้วนอยู่ จำนวนเด็กนักเรียนลดลงร้อยละ 5-6 ต่อปีอยู่แล้ว ฉะนั้นวงเงินของกระทรวงอาจจะลดลง ด้านงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขก็อาจจะลดลง เพราะมีส่วนหนึ่งที่ไปเป็นค่าจ้างพนักงานและลูกจ้าง ที่ปีที่ผ่านมาได้ปรับสถานะเป็นข้าราชการ 45,000 อัตรา ทำให้ยกสถานะจากเงินกองทุนเป็นงบบุคลากร เป็นต้น ตามที่มีข่าวว่าอาจจะลด แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ลด ยังคงเหมือนเดิม ค่ารักษาพยาบาลก็ไม่ได้ลดลง ยืนยันว่าไม่กระทบในส่วนนี้

 

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising