×

ประยุทธ์แจงแผนวัคซีนโควิด-19 ระบุวัคซีนทยอยส่งมอบไม่ได้มารอบเดียว หากคำนวณแล้วช่วงนั้นไม่พอ ให้ฉีดกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มโรคเสี่ยงก่อน

โดย THE STANDARD TEAM
15.06.2021
  • LOADING...
ประยุทธ์แจงแผนวัคซีนโควิด-19 ระบุวัคซีนทยอยส่งมอบไม่ได้มารอบเดียว หากคำนวณแล้วช่วงนั้นไม่พอ ให้ฉีดกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มโรคเสี่ยงก่อน

วันนี้ (15 มิถุนายน) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชี้แจงรายละเอียดการจัดสรรวัคซีน พร้อมขอโทษประชาชน ดังนี้

 

“เรียนพี่น้องประชาชนทุกท่าน

 

“นับตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ที่เราเริ่มประเดิมคิกออฟวาระแห่งชาติเรื่องการฉีดวัคซีน พร้อมกันทั่วประเทศ จนถึงวันนี้เราฉีดไปได้มากกว่า 2 ล้านโดสภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ โดยในภาพรวมที่ผ่านมาเรากระจายวัคซีนไปทั่วประเทศมากกว่า 7 ล้านโดส และฉีดวัคซีนไปได้ถึงมากกว่า 6.5 ล้านโดสแล้ว นับเป็นความร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเต็มที่ของเจ้าหน้าที่ในทุกจุดบริการ ผมต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

“ส่วนปัจจัยที่สำคัญที่จะทำให้การระดมฉีดวัคซีนดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือการจัดสรรวัคซีนไปยังจุดบริการทั่วประเทศอย่างทั่วถึงและพอเพียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่ท่านอาจจะได้รับฟังจากข่าวหรือการประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนจากโรงพยาบาลต่างๆ อาจทำให้ท่านเกิดความไม่สบายใจ และเข้าใจว่าภาครัฐไม่ได้จัดสรรวัคซีนให้อย่างเพียงพอ หรือภาครัฐไม่ได้มีการประสานงานกันอย่างดีพอ ข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ผมได้รับทราบทุกๆ เรื่อง และผมขอเรียนอย่างจริงใจว่า ปัญหาเหล่านี้ทำให้ผมเองไม่สบายใจอย่างยิ่งเช่นกัน และได้พยายามหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน ด้วยการสั่งการไปยังผู้ที่รับผิดชอบ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด 

 

“​ก่อนอื่นผมต้องขอเรียนชี้แจงภาพรวมในการดำเนินการตามวาระแห่งชาติเรื่องการฉีดวัคซีนว่าแต่ละหน่วยงานมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง 

 

“​โดยลำดับแรก ศบค. ผู้เป็นองค์กรสูงสุดในการจัดการสถานการณ์โควิด-19 และการฉีดวัคซีน มีความรับผิดชอบในการกำหนดนโยบาย กำหนดหลักการในการจัดสรรวัคซีนให้แต่ละจังหวัด โดยมีหลักการว่าทุกจังหวัดจะต้องได้รับวัคซีนตามสัดส่วนจำนวนประชากร และเพิ่มเติมให้กับจังหวัดที่มีสถานการณ์ระบาด รวมทั้งเพิ่มเติมกลุ่มบุคคลที่มีความจำเป็นต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การศึกษา และอื่นๆ

 

“ในลำดับที่สอง หน่วยงานหลักที่รับมอบนโยบายจาก ศบค. นั่นคือกระทรวงสาธารณสุข จะเป็นผู้รับผิดชอบในการกำหนดว่าวัคซีนที่ได้รับในแต่ละรอบจะจัดส่งแต่ละจังหวัดจำนวนเท่าใด ตามหลักการในการจัดสรร โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งจัดส่งวัคซีนในรอบนั้นกระจายไปยังทั่วประเทศในทันทีโดยไม่รอช้า 

 

“จากนั้นในลำดับที่สาม คือความรับผิดชอบของแต่ละจังหวัด ที่จะเป็นผู้กำหนดว่าแต่ละโรงพยาบาลและจุดฉีดในจังหวัดนั้นจะได้รับวัคซีนเป็นจำนวนเท่าใด และจัดการจัดส่งให้อย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งการจัดสรรนี้จะพยายามต้องคำนึงถึงระยะเวลาที่มี จนกว่าจะได้รับการจัดสรรวัคซีนในรอบต่อไปให้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด เนื่องจากการได้รับวัคซีนของเรานั้นเป็นการทยอยมาเป็นรอบ ไม่ใช่ได้มาครั้งเดียว 6 ล้านโดส หรือ 10 ล้านโดสตั้งแต่ต้นเดือน และเราจะส่งออกทันทีที่ได้รับวัคซีน ไม่ได้รอเก็บไว้จนกว่าจะครบ จึงจะส่งออก 

 

“​ผมขอเรียนชี้แจง ย้ำต่อพี่น้องประชาชน ถึงหลักการ หรือที่เรียกว่า ‘สูตร’ ในการจัดสรรวัคซีน ที่ผมสั่งการลงไป มีดังนี้ 

 

  • “​ข้อ 1. เมื่อมีวัคซีนมา กระทรวงสาธารณสุขต้องส่งให้ทุกจังหวัดทันที จะไม่มีจังหวัดใดที่ไม่ได้เพิ่มเติมในแต่ละรอบ ซึ่งในอนาคตอาจยกเว้นจังหวัดที่ได้ครบตามเป้าหมายแล้ว หรือบางจังหวัดที่ ศบค. พิจารณาว่ายังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในขณะนั้น
  • “​ข้อ 2. จำนวนวัคซีนที่นำส่งให้แต่ละจังหวัดจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่นำมาคำนวณ คือ จำนวนประชากร จำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้จองในระบบ ทั้งหมอพร้อมและระบบของจังหวัด และกลุ่มเฉพาะ เช่น อาชีพเสี่ยง พื้นที่เศรษฐกิจ 
  • “​ข้อ 3. หากจำนวนวัคซีนที่ได้ คำนวณแล้วไม่เพียงพอต่อการฉีด ในระยะเวลา ในรอบนั้น ให้แต่ละจังหวัดและจุดฉีดพิจารณาจัดสรรให้กับกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มโรคเสี่ยงที่ลงทะเบียนไว้ก่อน 
  • “​และข้อ 4. หากมีความจำเป็นต้องชะลอการฉีดวัคซีนตามกำหนดเดิม ระหว่างรอการนำส่งวัคซีน ต้องยึดลำดับเดิมไว้ โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ และจัดการฉีดวัคซีนตามลำดับเดิมทันทีที่ได้รับการจัดสรรวัคซีน

 

“​ทั้งนี้ผมเชื่อว่าทุกฝ่ายได้มีความพยายามและดำเนินการอย่างทุ่มเท เพื่อให้บริการกับพี่น้องประชาชนอย่างดีที่สุด ซึ่งปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งอาจเกิดจากปัจจัยที่ควบคุมได้ยาก นั่นคือการนำส่งวัคซีนที่ต้องใช้เวลา ทั้งการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพ ไม่สามารถกำหนดได้แน่นอนทุกครั้งว่าจะได้รับวันใด และจะได้รับเป็นรอบ ไม่ใช่ได้ครั้งเดียวจำนวนมาก ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกต่างต้องเจอกับปัญหานี้ทั้งสิ้น แต่ประเทศไทยนั้นยังมีข้อได้เปรียบที่เรามีบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งผลิตวัคซีนของ AstraZeneca ตั้งอยู่ในประเทศไทยของเราเอง ทำให้การขนส่งทำได้อย่างรวดเร็ว อีกปัจจัยหนึ่งคือการปรับแผนการฉีดวัคซีนตามสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้น ทำให้มีการเปิดให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงอย่างกรุงเทพมหานคร ได้เริ่มฉีดเพื่อควบคุมการระบาด และเพื่อเหตุผลทางเศรษฐกิจ ทำให้อาจไปกระทบกับผู้ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนบางส่วน นอกจากนั้นต้องยอมรับว่าในภารกิจครั้งนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก มีผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ในประเทศไทยทั้ง 70 ล้านคน จึงอาจเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในการประสานงานระหว่างหน่วยงาน อย่างไรก็ตาม ทุกหน่วยงาน มีความตั้งใจอย่างเต็มที่ทั้งหมด

 

“​ผมในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการ ศบค. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในสงครามโควิด-19 ครั้งนี้ ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และขอเป็นผู้รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาทั้งหมด ซึ่งผมได้ทำอยู่ทุกวัน ตลอดเวลา เพราะนี่คือวาระแห่งชาติ ที่เราจะต้องร่วมใจกันทุกฝ่าย ในการดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จ เพื่ออนาคตของประเทศชาติ ปัญหาอุปสรรคอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในระยะแรกที่วัคซีนยังมีจำกัด ทำให้กระทบต่อการจัดการ แต่จากการวางแผนของรัฐบาล  ในการจัดหาวัคซีนล่วงหน้า ทำให้เรามั่นใจได้ว่าจะได้รับวัคซีนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละเดือน ผมขอเรียนย้ำว่ารัฐบาลได้จัดหาวัคซีนอย่างเพียงพอต่อคนในประเทศไทยทุกคน ขณะนี้สามารถจัดหาวัคซีนได้เป็นไปตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส สำหรับประชาชน 50 ล้านคน หรือ 70% ของประชากรภายในสิ้นปีนี้ และจะดำเนินการจัดหาเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า 

 

“​ในเรื่องของวัคซีนโควิด-19 นี้ ผมได้ติดตามอย่างใกล้ชิดด้วยตนเองตลอดเวลา และขอย้ำว่าการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปด้วยความโปร่งใส และจะไม่ยอมให้เกิดการทุจริตใดๆ เป็นอันขาด และผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ด้วยศักยภาพและความทุ่มเทเสียสละของบุคลากรของเราในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดและการระดมฉีดวัคซีนเราจะต้องชนะสงครามโควิด-19 ครั้งนี้อย่างแน่นอนครับ”

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising