วันนี้ (29 เมษายน) ที่หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยย้ำว่านายกรัฐมนตรีบอกแล้วว่ายังไม่มีอะไร และในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่มีสัญญาณอะไรทุกคนทำงานตามปกติ
ส่วนที่มีแรงกระเพื่อมจากสส. ของพรรคเพื่อไทยนั้น ประเสริฐกล่าวว่า ในที่ประชุมพรรคเมื่อ สส. รับฟังปัญหาจากประชาชนแล้วก็มาสะท้อนในที่ประชุม แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเกี่ยวข้องกับการปรับ ครม. แค่อยากให้รัฐมนตรีของพรรคเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา
ส่วนเสียง สส. จะเป็นการสะท้อนว่ารัฐมนตรีตอบสนองนโยบายหรือไม่นั้น ประเสริฐกล่าวว่า ไม่ทราบและถือเป็นความเห็นของ สส. ซึ่งรัฐมนตรีได้ไปชี้แจงแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามการที่พรรคกล้าธรรมชนะการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดนครศรีธรรมราชจะเป็นแรงกระเพื่อมหรือไม่ ประเสริฐกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ความจริงแล้วสัดส่วนของรัฐบาลยังคงเดิม สส. เดิมอยู่ในซีกของรัฐบาลอยู่แล้ว ซึ่งเสียงที่เพิ่มมาหนึ่งเสียงจากอีกพรรคหนึ่งก็อยู่ในซีกรัฐบาล ส่วนเสียง สส. ที่เพิ่มมาของพรรคกล้าจะส่งผลต่อสัดส่วนรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ประเสริฐกล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีต้องตัดสินใจ และไม่ทราบว่าเกณฑ์ใดในการปรับรัฐมนตรีออก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามพรรคกล้าธรรมเป็นพรรคสาขาของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคใต้ โดยที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมนั้น ประเสริฐกล่าวว่า เท่าที่ตนมองพรรคกล้าธรรมก็มีแนวทางของตัวเองอยู่แล้วคงไม่ใช่สาขาของพรรคเพื่อไทย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามพรรคเพื่อไทยไม่สามารถเจาะพื้นที่ภาคใต้ได้จึงใช้พรรคกล้าทำลงแทนใช่หรือไม่ ประเสริฐกล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าพรรคกล้าธรรม สมาชิกส่วนหนึ่งมาจากพรรคพลังประชารัฐซึ่งมี สส. ภาคใต้อยู่แล้ว เมื่อแยกพรรคออกมาก็ยังมี สส. ในภาคใต้ ดังนั้นความเชื่อมโยงก็ยังเข้าถึง ซึ่งเป็นการแข่งขันทางการเมืองเป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามพรรคกล้าธรรมเป็นพันธมิตรของพรรคเพื่อไทยที่เหนียวแน่นที่สุดใช่หรือไม่ ประเสริฐกล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะพรรคกล้าธรรมทุกพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นพันธมิตร และในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยยืนยันส่งทุกเขตไม่มีการเว้นที่ให้ เพราะการเมืองทุกพรรคก็อยากได้ สส. มากที่สุด นอกจาก สส. เขตแล้วก็ยังหวัง สส. บัญชีรายชื่อ หากส่งทุกเขตก็จะได้คะแนนในส่วนนี้เพิ่มมาด้วย ดังนั้นพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคใหญ่การส่ง ครอบคลุมทุกพื้นที่ก็สามารถเกิดขึ้นได้
ประเสริฐยังเปิดเผยว่า พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จำนวน 2 ฉบับซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรในช่วงสมัยวิสามัญในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาเพราะเป็นการรายงานเพื่อขอให้สภารับรอง และขณะนี้มีผลบังคับใช้แล้ว