×

เลือกตั้ง 2566 : พลังประชารัฐขายนโยบาย ‘อีสานประชารัฐ’ สร้างรถไฟทางคู่ ‘บึงกาฬ-อู่ตะเภา’ ปั้นนิคมอุตสาหกรรม ตั้งเป้าชนะแลนด์สไลด์ กวาด ส.ส. 133 เขตยกภาค

โดย THE STANDARD TEAM
20.04.2023
  • LOADING...

วันนี้ (20 เมษายน) ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค และ พล.อ. ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ร่วมแถลงเปิดนโยบาย ‘อีสานประชารัฐ’ พัฒนาภาคอีสานด้วยรถไฟทางคู่ ‘บึงกาฬ-อู่ตะเภา’

 

พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า เราจะพัฒนาภาคอีสานและภาคตะวันออกให้เป็นรถไฟทางคู่ จากจังหวัดบึงกาฬ-ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือมาบตาพุด-สนามบินอู่ตะเภา จังหวัดระยอง โดยเป็นการพัฒนาพื้นที่ได้ 24 จังหวัดในภาคอีสานและภาคตะวันออก สอดรับกับโครงการ EEC โดยทางรถไฟจะผ่าน 13 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ, อุดรธานี, สกลนคร, กาฬสินธุ์, ร้อยเอ็ด, สุรินทร์, บุรีรัมย์, นครราชสีมา, สระแก้ว, ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี และระยอง 

 

และยังเชื่อมต่อ 11 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครพนม, มุกดาหาร, อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ, ยโสธร, ศรีสะเกษ, มหาสารคาม และหนองบัวลำภู ระยะทางรวมประมาณ 480 กิโลเมตร 

 

โดยจะสร้างเมื่อได้เป็นรัฐบาล ซึ่งได้สำรวจเส้นทางกันมาเรียบร้อยแล้ว

 

พล.อ. ประวิตร กล่าวต่อไปว่า เราทำเพื่อคนอีสานโดยเฉพาะ ให้ได้มีงาน สร้างงาน สร้างอาชีพ น้ำก็น้อย การเกษตรก็มีข้อขัดข้องอีกมาก คนอีสานออกมาทำงานต่างจังหวัดทั้งนั้น เราทำโครงการนี้เพื่อชาวอีสานโดยเฉพาะ อย่าเพิ่งถามถึงภาคอื่น เอาให้ภาคอีสานเจริญ โดยภาคอีสานมีทั้งหมด 133 เขต คิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การมาทำโครงการใหญ่ในภาคอีสานจะเป็นการทำให้ภาคอื่นรู้สึกน้อยใจหรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า เราทำที่ภาคอีสานก่อน จากนั้นจะทำภาคเหนือและใต้ต่อไป อันนี้คิดกันมาหลายปีแล้ว อย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะเสร็จพรุ่งนี้ 

 

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะส่งผลต่อคะแนนเสียง พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่ต้องห่วง ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ตนไม่ห่วง ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้นั้น ไม่ต้องห่วง ยังไม่ได้คิด แต่สามารถดำเนินการได้แน่นอน

 

ด้านสันติกล่าวว่า สำหรับรถไฟทางคู่แบบใหม่ที่เราจะทำนั้นจะมีรางขนาด 1.435 เมตร มาตรฐานเดียวกับรถไฟความเร็วสูง จะมีการสร้างทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจรตลอดแนวเส้นทางรถไฟ และจะสร้างนิคมอุตสาหกรรมขนาด 20,000 ไร่ 6 แห่ง กว่า 6,000 โรงงาน โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมนำสมัย 

 

นอกจากนี้จะมีการสร้างวิทยาลัยอาชีวะใกล้นิคมอุตสาหกรรม นิคมละ 2 แห่ง รวม 12 แห่ง เพื่อเตรียมแรงงานที่มีทักษะและคุณภาพรองรับอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 

 

รวมถึงมีโครงการพัฒนาท่าเรือบก ซึ่งจะเป็นพื้นที่รองรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากนิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นก่อนที่จะมีการขนส่งไปยังท่าเรือน้ำลึกที่ภาคตะวันออก  

 

“10 ปีที่ผ่านมา ชาวอีสานได้รับการพัฒนาอย่างเชื่องช้า มีแต่คนไปขอให้แลนด์สไลด์ แต่ยังไม่เคยได้ยินพรรคใดที่ตั้งใจที่จะไปพัฒนาภาคอีสาน เพื่อลูกหลานอยู่ดีกินดี เราจึงขอแรงใจทั้ง 133 เขตให้กับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อพรรคพลังประชารัฐจะได้มีอำนาจในการพัฒนาภาคอีสาน

 

“และเรามั่นใจว่าชาวอีสานจะต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐทั้ง 133 เขต เพื่อให้มาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และใน 133 เสียงที่เลือกเราเข้าไปในสภา จะไปยกมือสนับสนุนให้ พล.อ. ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี 

 

“ตนยืนยันว่าโครงการเหล่านี้ทำจริง ทำทันที แต่เราจะต้องมีนายกฯ เป็นคนที่จะใช้อำนาจผลักดันโครงการดีๆ เหล่านี้ได้” สันติกล่าว 

 

สันติกล่าวด้วยว่า สำหรับงบประมาณที่จะใช้ในการพัฒนาโครงการนี้ โดยเฉพาะการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศเป็นผู้ดำเนินการ โดยการดึงดูดนักลงทุนมาจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งเป้าหมายไว้ คาดว่าจะสามารถดึงดูดเงินลงทุนเข้าประเทศไทย 4.5 ล้านล้านบาท โดยรัฐจะเป็นผู้เวนคืนที่ดินที่ต้องใช้ในการพัฒนานิคมแต่ละนิคมประมาณ 20,000 ไร่ เพื่อรองรับโรงงานประมาณ 1,000 โรงงาน โดยแต่ละโรงงานจะใช้เงินลงทุนประมาณ 750 ล้านบาท 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising