เมื่อเอ่ยชื่อ เลนนี แครวิตซ์ หลายคนอาจนึกถึงภาพดีไซเนอร์ผู้กล้าหาญจากแฟรนไชส์ภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง The Hunger Games ภาค 1 และ 2 ในขณะที่อีกหลายคนคงนึกถึงภาพร็อกสตาร์คนดังผู้มีสไตล์งานเพลงแนวย้อนยุคสุดเฉพาะตัวอันเต็มไปด้วยกลิ่นอายของร็อก บลูส์ แจ๊ส อาร์แอนด์บี ฟังก์ เรกเก้ และอีกหลายแนวเพลงที่มาพร้อมความสามารถพิเศษในการร้องและเล่นดนตรีเองทุกชิ้น
ลีโอนาร์ด อัลเบิร์ต เลนนี แครวิตซ์ เกิดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 1964 ที่นครนิวยอร์ก เขาเริ่มหัดเล่นกลองและกีตาร์ตั้งแต่วัยเพียง 4 ขวบ โดยได้รับอิทธิพลด้านดนตรีส่วนใหญ่มาจากเพลงที่พ่อแม่เปิดให้เขาฟังตั้งแต่เด็ก ทั้งแจ๊ส คลาสสิก โอเปรา และบลูส์ จนกระทั่งในปี 1974 เลนนีย้ายตามครอบครัวไปแคลิฟอร์เนีย ที่ซึ่งเขาได้รู้จักกับดนตรีร็อกจากการฟังเพลงของ The Rolling Stones, Led Zeppelin, The Grateful Dead, Aerosmith และร็อกสตาร์อีกหลายคน จนในปี 1978 เลนนีได้เข้าเรียนที่ Beverly Hills High School ที่ซึ่งเขาหัดเล่นเปียโนและเบสด้วยตัวเอง
ช่วงปลายยุค 80 เลนนีพยายามไล่ตามความฝันโดยการส่งเดโมไปให้หลายค่ายเพลง ซึ่งส่วนใหญ่ปฏิเสธ เนื่องจากงานเพลงของเขาก้ำกึ่งระหว่างแนวเพลงแบบคนขาวและคนผิวสี หลังพยายามอยู่ปีกว่า เลนนีก็ได้เซ็นสัญญากับค่าย Virgin Records และปล่อยอัลบั้มแรกออกมาในชื่อ Let Love Rule (1989) ซึ่งมีการผสมผสานแนวเพลงแบบร็อก ฟังก์ และบรรยากาศยุค 60 เข้าด้วยกัน อัลบั้มประสบความสำเร็จพอประมาณในสหรัฐอเมริกา แต่โด่งดังอย่างมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรป ก่อนจะมีผลงานเพลงฮิตมากมายตามมาจนถึงปัจจุบันทั้ง It Ain’t Over Til It’s Over, Again, Fly Away, I Belong to You, Lady, Dig In ฯลฯ
ด้วยความสำเร็จมากมายของเลนนี ทำให้เขาถูกจัดอันดับโดยสถานีโทรทัศน์ช่อง VH1 ให้เป็น 1 ใน 100 ศิลปินฮาร์ดร็อกที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ไม่เพียงเท่านั้น เลนนียังเป็นเจ้าของสถิติศิลปินผู้คว้ารางวัล Best Male Rock Vocal Performance จากเวทีแกรมมี่ติดต่อกันถึง 4 ปีซ้อน (1999-2002) ทำให้เขากลายเป็นศิลปินที่ชนะรางวัลสาขานี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์
