เมื่อพูดถึงเอเลี่ยนในโลกภาพยนตร์ พล็อตเรื่องหลักๆ ที่เราคุ้นตา ถ้าไม่เกี่ยวกับแอ็กชันผจญภัย ก็คงเป็นแนวสยองขวัญเอาชีวิตรอด แต่จะมีภาพยนตร์สักกี่เรื่อง ที่นำไอเดียเอเลี่ยนมาใช้เป็นสัญญะ แทนการวิพากษ์วิจารณ์สังคม การเมือง ได้อย่างมีชั้นเชิง นั่นคือสิ่งที่ District 9 ทำไว้อย่างยอดเยี่ยม ส่งผลให้นอกจากความสำเร็จด้านรายได้ที่สวยงามแล้ว ตัวภาพยนตร์ยังเป็นที่ชื่นชมของเหล่านักวิจารณ์ ซึ่งพร้อมใจยกให้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดแห่งปี 2009
District 9 เข้าฉายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ปี 2009 โดยเป็นงานสร้างจากการร่วมทุนระหว่างนิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา และแอฟริกาใต้ ด้านการกำกับได้ นีลล์ บลอมแคมป์ มาทำหน้าที่ ซึ่งยังควบตำแหน่งเขียนบทคู่กับ เทอร์รี แทตเชลล์ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการต่อยอดจากภาพยนตร์สั้นเรื่อง Alive in Joburg ของบลอมแคมป์ที่กำกับไว้ในปี 2006 และได้นักแสดงมากหน้ามาร่วมจอ นำทีมโดย ชาร์ลโต คอปเลย์, เจสัน โคป, วาเนสซา เฮย์วูด และ เดวิด เจมส์
ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวในโลกสมมติ ย้อนไปในปี 1982 เมื่อยานจากต่างดาวปรากฏตัวเหนือกรุงโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เหล่าเอเลี่ยนที่ขาดแคลนอาหารขออพยพเข้าโลกในฐานะผู้ลี้ภัย ก่อนที่รัฐบาลจะสร้างเขตกักกันและเรียกพื้นที่นั้นว่า District 9 จนผ่านไป 28 ปี เหตุการณ์ในพื้นที่เริ่มตึงเครียดมากขึ้นทุกวัน ทำให้รัฐบาลต้องการจะย้าย District 9 ไปยังจุดหมายอื่น เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ Wikus van de Merwe ต้องลงไปปฏิบัติหน้าที่ ณ เขตกักกัน ก่อนจะปะทะเข้ากับสารเคมีแปลกประหลาดบางอย่างที่ทำให้เขาต้องหาทางเอาชีวิตรอด
District 9 ประสบความสำเร็จด้านรายได้อย่างสูง ด้วยตัวเลขทั่วโลกกว่า 210.8 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 30 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังได้รับเสียงวิจารณ์ด้านบวก ทั้งในเรื่องการแสดง กำกับ บทที่สามารถตีแผ่และเสียดสีประเด็นสิทธิมนุษยชน ภาวะการเกลียดกลัวคนต่างชาติ และการแบ่งแยกชนชั้นในสังคมได้ออกมาอย่างดี โดย District 9 ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ มากถึง 6 รางวัล รวมทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
