วันนี้ (14 มกราคม) จิราพร สินธุไพร ส.ส. ร้อยเอ็ด เขต 5 ในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ประชาชนตกอยู่ในภาวะตายผ่อนส่งจากปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งรัฐบาลเคยประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จนล่วงเลยมาเกือบปี ยังไม่เห็นการจัดการที่เป็นรูปธรรม จนกรีนพีซยกให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีอากาศเลวร้ายอันดับ 9 ของโลก
ส่วนกรณีที่รัฐบาลกำลังพิจารณาใช้ยาแรง หากจะห้ามรถยนต์วิ่งในเขตเมือง ก็ขอให้พิจารณาอย่างรอบคอบว่า ไทยมีระบบขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัยและครอบคลุมทุกพื้นที่ไว้บริการประชาชนหรือไม่ มิฉะนั้นอาจเกิดความโกลาหลได้ พร้อมทั้งแนะนำให้รัฐบาลลดงบซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ลง เพื่อนำมาปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะ เช่น ซื้อรถเมล์ใหม่ทั้งหมด ให้ประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยได้ใช้ประโยชน์จากเงินภาษีตัวเองบ้าง
อย่างไรก็ดี จิราพรตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะมียาแรง แต่ต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าหรือสัปดาห์ต่อๆ ไป ซึ่งอาจไม่ทันการณ์ เพราะจากรายงานของกรุงเทพมหานครพบว่า มีผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่น PM2.5 แล้วเกือบ 40,000 ราย จึงเห็นว่า หากทราบถึงต้นตอของปัญหาแล้ว และมีโมเดลของต่างประเทศที่แก้ปัญหาได้สำเร็จมากมาย ก็ควรเร่งดำเนินการแก้ไข ไม่ใช่มาย้อนถามสังคมว่าต้องทำอย่างไร
“สถานการณ์ที่ประชาชนต้องเผชิญในตอนนี้คือ อยู่บ้านเจอน้ำเค็ม ออกนอกบ้านเจอฝุ่น ไปต่างจังหวัดก็เจอน้ำแล้ง แทบไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ และยังถูกซ้ำเติมจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังย่ำแย่ให้เลวร้ายเพิ่มอีก ขอให้รัฐบาลจริงจังและจริงใจในการแก้ปัญหา ลดงบซื้ออาวุธที่ไม่จำเป็นลงบ้าง แล้วนำเงินไปแก้ปัญหาให้พี่น้องอย่างเป็นรูปธรรม อย่าทำให้ประชาชนผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนที่เคยบอกว่า จะเข้ามาปฏิรูปประเทศ แต่ผ่านมา 5 ปี ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น” จิราพรกล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล