วานนี้ (21 มกราคม) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมแก้ปัญหาคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และคนต่างด้าวตั้งกลุ่มแก๊งกระทำความผิดหรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ
ผบ.ตร. ได้กำหนดนโยบายการปฏิบัติงานในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนและเป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและกลุ่มชาวต่างชาติที่ประกอบธุรกิจโดยใช้นอมินี และแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองหรือทำงานโดยผิดกฎหมาย
ผ่านข้อสั่งการดังนี้
- กำชับห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยว พัวพัน เรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ใดโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ไม่เหมาะสม โดยผู้บังคับบัญชาจะต้องตรวจสอบการปฏิบัติงานและความประพฤติเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด เกิดผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม หากเพิกเฉย ละเลย จะถือว่าไม่เอาใจใส่ในการทำหน้าที่ เมื่อพบข้อบกพร่อง/ร้องเรียน จะพิจารณาทางปกครอง วินัย และอาญา โดยเด็ดขาดในทุกระดับชั้น
- ให้กองบังคับการตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรจังหวัด เป็นหน่วยหลักในการจัดทำแผนระดับพื้นที่ และจัดทำข้อมูลท้องถิ่นร่วมกับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน, สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว, กองบัญชาการตำรวจสันติบาล, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองการต่างประเทศ เพื่อกำหนดการปฏิบัติร่วมกัน เช่น การตรวจที่พักคนต่างด้าว การตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด (แบบใยแมงมุม) การสืบสวนปราบปราม ตลอดจนประสานหน่วยอื่นๆ
เช่น กองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้, กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.), หน่วยข่าวด้านความมั่นคงและภาคส่วนในพื้นที่ โดยผู้บังคับการตำรวจนครบาลและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจะต้องติดตามสถานการณ์ ประสานงานหน่วยในพื้นที่ และจัดทำแผนการปฏิบัติร่วมกัน ส่วนหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการส่งต่อและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยให้เป็นปัจจุบัน โดยเฉพาะการแจ้งที่พักอาศัย สถานะของคนต่างด้าว บูรณาการข้อมูลทุกด้าน โดยให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นหน่วยหลัก
พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวว่า จากการรับฟังข้อมูลจากหน่วยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภารกิจหน้าที่ตามกรอบของกฎหมายแต่ละฉบับ การประสานงานประเทศต้นทางในการควบคุม กำกับดูแลการประกอบธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนต่างด้าว เช่น ที่พักอาศัย รถเช่าต่างๆ ไกด์หรือมัคคุเทศก์ในประเทศไทย การเดินทางตามเส้นทางต่างๆ ในประเทศไปจนกระทั่งพื้นที่ชายแดน และการออกจากประเทศไทย
ได้เน้นย้ำให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และแผนประทุษกรรมด้านการหลอกลวง การช่วยเหลือสืบสวนขยายผลติดตามคนต่างด้าว และกลไกการส่งต่อระดับชาติตามแผนป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และแผนอาชญากรรมข้ามชาติ โดยให้ตำรวจพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนระดับพื้นที่ให้รัดกุม ชัดเจน และตั้งผู้ประสานงานระหว่างประเทศรับข้อมูลฝ่ายต่างๆ มาขับเคลื่อนโดยทันที
ในการประชุมมุ่งเน้นการยกระดับแก้ไขปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาคนต่างชาติถูกหลอกลวงโดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในพื้นที่ชายแดนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายแดนด้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่เกิดปัญหาอย่างมากในขณะนี้ สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่อำเภอแม่สอดต้องมีมาตรการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เห็นผลชัดเจนภายใน 7 วัน
พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติป้องกันปราบปราม สืบสวนขยายผลไปยังตัวการ ผู้ร่วมกระทำความผิด ผู้ช่วยเหลือที่กระทำความผิดตามกฎหมายทุกราย บริหารจัดการทุกภาคส่วนตั้งแต่ท่าอากาศยาน รถให้เช่า เส้นทาง ที่พักคอยต่างๆ ขอความร่วมมือคนไทยช่วยกันประชาสัมพันธ์และเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น ช่วยเหลือดูแล เพื่อสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป