แม้จะเป็นคนใกล้ตัว แต่เราเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าแฟชั่นเอดิเตอร์ประจำ THE STANDARD ของเราจะผ่านอาชีพและวีรกรรมที่โลดโผนโจนทะยานขนาดนี้ ทั้งเป็นเด็กแว้นโมรถมอเตอร์ไซค์แถมขี่หวาดเสียว เป็น รปภ. กะกลางคืน ติดใบปลิวตามตู้โทรศัพท์ ทุบตึกย่อยชิ้นส่วน และที่สำคัญเป็นกู้ภัย ที่ทำมาแล้วทั้งเก็บศพ ตีรังต่อ ล่องู
ทราบมาว่าก่อนหน้านี้คุณเป็นผู้ชายมาก่อน
จริงๆ ต้องบอกก่อนว่าที่บ้าน คุณแม่เองแอนตี้ตุ๊ด ซึ่งเราเองเราไม่ได้รู้สึกเหมือนเด็กๆ เราก็แอนตี้ตุ๊ดไปกับแม่ รู้สึกว่าเราไม่ได้อยากเป็นตุ๊ด เราเป็นผู้ชายตั้งแต่เกิดจนถึงปี 2 ในสมัยเด็กๆ ถ้าเกิดช่วงที่แก๊งเป็นผู้ชายทั้งหมดคือช่วง ม.ต้น ม.ปลาย และมหาวิทยาลัย ส่วนตอนอยู่อนุบาลกับประถมฯ เราจำความไม่ค่อยได้ แต่จำได้ลางๆ ว่ามีเพื่อนทั้งหญิงชายสลับกันไป แต่ไม่มีเพื่อนตุ๊ดเลย สมัยเรียนเราจะมีแฟนมาตลอดเป็นผู้หญิง นับแล้วร่วม 7 คน
เบื้องหลังในช่วงวัยรุ่นเคยเป็นเด็กแว้นมาก่อน
ไม่ได้ประกอบมอเตอร์ไซค์เอง แต่แต่งมอเตอร์ไซค์เอง หรือเรียกว่าโมมอเตอร์ไซค์เอง การเดินตลาดออเงินเป็นเรื่องธรรมดาของเรามาก มันเป็นเวิ้งเหมือนอเวนิว คอมมูนิตี้อะไหล่รถยนต์ น็อตพอช ซี่ลวด ปาดเบาะ สามารถทำได้ง่ายๆ ที่นั่นเลย
จะตีท่อลอดหรือเปลือยกรองเราได้หมด คือจริงๆ เปลือยกรองที่บ้านได้ไม่ยาก
เปลือยกรองคือตัวที่หุ้มคาบูเรเตอร์ข้างล่าง แต่จริงๆ แล้วทำไปโดยมีเหตุผลอย่างเดียวคือเท่ ไม่รู้เลยว่าทำเพื่ออะไร
ยุคนั้นแม่ซื้อมอเตอร์ไซค์มาให้เราเลยหรือเปล่า
แม่ซื้อมาให้ที่บริษัท แม่จ๊ะ ลูกอยากได้มอเตอร์ไซค์ไปขับหน่อย จากนั้นพอกลับมามอเตอร์ไซค์ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ก็ถูกมีการปรับเปลี่ยน อย่างเช่นการเปลี่ยนน็อตพอชทุกตัวในรถ ด้วยสมัยก่อนบ้านเราพอมีฐานะแต่ไม่ได้รวยนะ เราก็จะสามารถเปลี่ยนก่อนคนอื่นได้ เราเปลี่ยนน็อตพอช ซี่ลวด เปลี่ยนล้อใหม่ให้เข้ากับสีล้อใหม่ ปาดเบาะให้เบาะมันแอ่นขึ้น มันบาง ปาดเบาจะมีอีกเหตุผลหนึ่งนอกจากเท่คือให้ผู้หญิงสไลด์ลงมาหาเราได้ นี่คือที่เพื่อนบอกแต่เราไม่ได้รู้สึกพิสมัยวิไลลาศกับการที่มันสามารถเอานมมาโดนหลังเรา เราไม่ได้รู้สึกอะไร
ขี่ผาดโผนด้วยไหม
โดดนอนได้ ยกล้อได้ไม่ติด ปล่อยมือแล้วยืน แต่ แด แด แด๊ด แด แด่ มีเพลงขึ้นได้ ถ้าเกิดมีวิดีโอแฟลชแบ็กกลับไปนั่งมองตัวเองก็ทำทำไมเหมือนกัน
ทราบมาว่าเคยเป็น รปภ. ด้วย
จริงๆ แล้วเป็นทั้ง รปภ. เด็กแจกใบปลิวตามตู้โทรศัพท์ รื้อถอนทุบตึก ทุกอย่างคือธุรกิจที่บ้านหมด มันเริ่มมาจากบ้านเคยเปิดบริษัทจัดหางานสมัยก่อน ตอนที่ยังไม่โกงกันเยอะขนาดนี้ เริ่มจากการแจกใบปลิวของบริษัทจัดหางานของแม่ก่อน สมัยเด็กๆ เราจะอยากได้เงินไปซื้อนู่นนี่ เราก็ต้องทำงาน แม่เป็นคนชอบให้ทำงาน ซึ่งต้องขอบคุณแม่ แม่บอกว่าต้องทำงาน แม่ไม่ให้มาฟรีๆ ซึ่งเราก็ได้ไปแจกใบปลิว แม่จะให้เงินน้อยมาก 100 เดียวต่อวัน เราก็จะไปแจกที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ที่มันมีสะพานตัดกันไปมา เราจะไปแจกตรงนั้น ร้อนมาก เลยไม่ขาวสักทีตั้งแต่เด็ก ซึ่งแม่ก็จะรู้สึกดีเพราะเราเป็นลูกแม่ เราจะไม่มีทางทิ้งป้ายของแม่แน่นอน นึกออกไหม เราก็จะทำงานอย่างนั้นแลกเงินด้วยการไปแจกตรงนี้ หรือตามตู้โทรศัพท์ที่มันสกปรก เราเป็นคนไปติดเอง ถ้าเกิดอยากได้เงินก็จะไม่ไปแว้นแล้ว เหมือนเอาใบปลิวมาติดกาว 2 หน้าไปติดตามตู้โทรศัพท์ แป้งเปียกก็มีแต่เป็นอีกวันหนึ่ง ถ้าเกิดเป็นติดกาว 2 หน้านี่คือตอนเช้า เราต้องนั่งแปะเทปกาว 2 หน้า ประมาณ 500-1,000 แผ่น แล้วตอนกลางคืนเราก็เอาป้ายไปติดตามตู้โทรศัพท์
เดินมากสุดตั้งแต่ตลาดยิ่งเจริญ จนถึงเซ็นทรัล ลาดพร้าว เดินไปเลยค่ะ เดินไปแล้วนั่งรถเมล์กลับ เพราะว่าแบ่งทีมเป็นเรากับญาติอยู่ฝั่งนี้ น้องสาวอยู่กับญาติอีกคนฝั่งโน้นแล้วเดินขนานกันไปเรื่อยๆ แล้วก็ข้ามกลับไปฝั่งเซ็นทรัล ลาดพร้าว แล้วเดินกลับมากับน้อง ทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งบอกกับแม่ว่าขอเป็น รปภ. ได้ไหม แม่จะเปิดบริษัท รปภ. กับแม่บ้าน ซึ่งแต่ก่อนจะมี รปภ. 200-300 คน แล้วมันจะมีจุดนี้ รปภ. ขาด ไม่สบาย บอกแม่ว่าไปเป็นให้ไหมแต่ขอค่าแรงขั้นต่ำ แม่บอกว่าได้
เราไปเป็นกะกลางคืนที่ขนส่ง จำได้เลย ดูรถเมล์ไม่หยุด รถทัวร์วิ่งกันไปมา
แต่คิดว่าพวกนั้นจะทำให้เราหายง่วงหรือ เปล่า ฟังเดอะช็อกก็ไม่หาย
ไม่มีอะไรทำให้เราหายง่วงได้เลย
ลิโพ กระทิงแดง กินครั้งแรกเลยตอนนั้นก็ไม่หาย เป็นการง่วงแต่หัวใจเต้นตุบๆ มันเป็นแค่ตาแข็งเฉยๆ เอาจริงๆ ยาไม่มีประสิทธิภาพ จะให้ไปวิ่งจับโจรตอนนั้นคือหัวใจวาย ถ้าออกกำลังมากกว่านี้ก็หัวใจวายแล้ว เราง่วงมาก กลับมาเราบอกแม่ เฮ้ย แม่ไม่ทำแล้ว พี่ รปภ. ทุกคนเราต้องให้เขา ยอม เขาเก่ง เราเลยไม่ค่อยวีนเขาเท่าไร เราเข้าใจเพราะเราเคยผ่านมาก่อน
บริษัททุบตึกจะเป็นช่วงหลังๆ แล้ว จัดหางานกับ รปภ. เริ่มซาเพราะอยู่ยากขึ้น แม่เลยปรับมาเป็นทุบตึก ซึ่งมีช่วงหนึ่งที่เราออกจากงานแล้วเรามาช่วยแม่ดู แต่ว่าตอนทุบตึกนี่เป็นตุ๊ดแล้วนะ แต่ว่าตอนที่ไปดูคนงานที่บ้านไม่รู้ว่าเราเป็นตุ๊ด รู้แค่ว่าเรามีเพื่อนชายมาหาที่บ้านบ่อย เรื่องทุบตึกเราจะ in detail พอสมควรเรื่องโครงสร้างว่าควรทุบรื้อตรงไหนก่อน รื้อหน้าต่าง ประตู ของภายในก่อน แล้วค่อยทุบย่อยกำแพงในบ้าน แล้วค่อยใช้แบ็กโฮดึงลงแยกพื้นออกอะไรอย่างนี้ เหล็กชิ้นไหนควรเก็บ ชิ้นไหนไม่ควรเก็บ เหล็กเส้น เหล็กนิ้ว เหล็กกล่องเราจะรู้ว่าอันไหนควรเก็บบ้าง คือทุกอย่างที่ทำเรารู้เลยว่าแม่เก่งมาก เพราะแม่จะรู้ว่าอะไรขายได้ อะไรขายไม่ได้ แม่บอกว่าแค่เศษดินที่อยู่ที่พื้นแม่ยังขายได้เลย ก็คือเอารถบรรทุกมาเหมาไปถมที่ต่อ รถคันหนึ่งก็จะได้ 2,000 บาท ขน 10 เที่ยว ก็ได้ 20,000 บาท รวมกับค่าทุบมันก็เป็นเงินเพิ่มเติมเข้ามาอีก แม่จะเป็นคนสอนเรา แม่บอกว่าคนหนึ่งไม่ควรมีอาชีพอย่างเดียว เพราะต่อไปจะอยู่กันไม่รอดแล้ว
แล้วมาเป็นหน่วยกู้ภัยได้อย่างไร
เราเคยเป็นกู้ภัย อปพร. อยู่ 2 ปี ตอนนั้นที่เป็นเพราะว่าพ่อเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เขาเลยต้องจัดหน่วยเพื่อดูแลประชาชนบริเวณนั้น เขาเลยจัดหน่วยกู้ภัยขึ้นมา ในช่วงนั้นไม่ได้คิดว่าจะต้องออกไปพบเจอเรื่องราวที่น่ากลัว สิ่งที่คิดอย่างเดียวคือการได้ออกนอกบ้าน ตอนนั้นอายุประมาณ 14-15 ปี แล้วเพื่อนที่เป็นกู้ภัยก็เป็นเด็กแว้นเหมือนกัน
งานกู้ภัยที่บอกว่าท้าทายเขาทำอะไรกันบ้าง
คือในหนังอาจจะเล่าไม่หมด แต่จริงๆ แล้วก่อนหน้านั้นจะมีการนั่งรถเหตุว่าวันนี้จะมีเหตุอะไรบ้าง กู้ภัยแต่ละที่จะต่างกัน เช่น พื้นที่ที่เรารับผิดชอบจะมี 2-3 หน่วยงานที่เป็นกู้ภัย จะมีการแก่งแย่งกันในการไปถึงที่เกิดเหตุ ฉันจะต้องได้จัดการก่อน แต่จริงๆ แล้วคนที่สามารถจัดการได้ดีที่สุดคือป่อเต็กตึ๊ง หรือร่วมกตัญญู 2 หน่วยนี้ มันก็มีเหมือนกันที่กระโดดขึ้นรถแบบในหนัง แต่สิ่งที่เราตื่นเต้นคือมีอุบัติเหตุ คนตาย หรือมีอะไรที่ระทึกขวัญ อันนั้นจะเป็นเรื่องราวที่ทุกคนอยากเจอ แต่ถ้าเป็นเรื่องตีต่อจับงู ทุกคนจะรู้สึกว่าเดี๋ยวค่อยไปก็ได้ เพราะต่อมันก็อยู่ข้างในรังมัน เราไม่จำเป็นต้องตีต่อให้มันฟุ้งออกมาก่อน จริงๆ ชอบตีต่อเหมือนกันเพราะนางเป็นอาหารของแม่เรา คือมันเป็นตัวอ่อนต่อ สมมติว่าไปเสร็จปุ๊บ เราจะเอาไฟเผารัง คือตอนแรกจะมีการใช้ควันรมให้ตัวต่อออกมา แล้วให้น้องหมดสติ น้องจะมึนงง แต่ถ้าคิดว่าออกมาไม่หมด เราต้องเผา พอเผาเสร็จน้องก็จะร่วงหล่นลงมา เราก็จะบิๆ น้องแล้วเอาตัวอ่อนให้แม่ พอถึงบ้านเราก็เอาตัวอ่อนต่อมาคั่วเกลือแซ่บ
จริงๆ ทีมเราเป็นทีมที่ไม่ใหญ่มาก ประมาณ 7-8 คน แต่ไม่ได้ออกงานพร้อมกัน แต่จะแบ่งกันไปวันนี้ 5 คน อีกวัน 4 คนพอ ส่วนใหญ่การแบ่งงานจะให้ผู้อาวุโสเป็นหลัก เพราะเราไม่อยากให้เขาเหนื่อย อะไรที่เราทำแทนได้ก็จะทำ อย่างเช่น ตีต่อ จับงู แต่ผู้อาวุโสเขาจะตีต่อเก่ง รมควันเท่าไร เผาเท่าไร อีกน้ำอีกเท่าไร จนจบขั้นตอนการตีต่อจนถึงคั่วเกลือ ส่วนถ้าจับงู เขาจะมีเทคนิคว่าตัวนี้ต้องจับอย่างไร หัวงูต้องจับอย่างไร
มีการสอนก่อนใช่ไหม
ใช่ เขาจะมีอุปกรณ์และฝึกให้ ได้ใบประกาศมาด้วย เขาจะให้เราเทรนจริงจังมาก ดับไฟอะไรมีหมด
แล้วในส่วนของผู้เสียชีวิตละคะ
เราจะยุ่งไม่ค่อยได้ ส่วนใหญ่จะเป็นการเคลียร์สถานการณ์ กันคน เอาคนขึ้นรถ เคลียร์ทางให้ ซึ่งมันต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยพยาบาลมากกว่าในการมาดูแล แต่ถ้าเกิดเจ็บเล็กน้อยอย่างรถล้มเราจะช่วยได้ แต่ถ้ามีการตายหรือบาดเจ็บหนัก มันจะต้องมีการพยุง ดาม ใช้อุปกรณ์ที่ถูกต้อง เราก็จะต้องเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วถามอาการผู้ป่วยเพื่อส่งต่อเขา
จำสถานการณ์การเห็นคนบาดเจ็บครั้งแรกได้ไหม
จำไม่ได้ว่าสถานการณ์อะไร แต่จำได้ว่าเจออะไรบ้าง อย่างแรกที่เจอเลยคืออุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ชนเกาะกลางถนน ที่มันเป็นแท่งปูน ตรงนั้นมันจะเป็นสะพานข้ามแยก แล้วจะมีทางซ้ายเพื่อกลับรถ แต่คนนั้นเขาไม่ข้ามแยก ไม่กลับรถ แต่เขาไปตรงกลาง พอเขาเข้าไปที่ตรงกลางเขาก็กระเด็น แล้วเขานอนคว่ำหน้าอยู่ เราก็เดินเข้าไป ส่วนตัวเป็นคนไม่กลัวศพอยู่แล้ว เพราะเป็นคนชอบดูหนังฆาตกรรม เพราะถึงจริงๆ แล้วมันไม่น่ากลัวเหมือนไม่หนัง มันไม่ได้มีอะไรแหยะมาก เราก็เห็นว่ามันมีเลือด เลือดส่วนใหญ่ไม่ได้แดงขนาดนั้น มันจะมีแดงปนดำ แล้วมีความมันจากไขมันและสมอง แต่เราจะดูไม่ค่อยออกหรอกว่าสิ่งไหนคือสมอง เพราะมันไม่ได้ออกมาเป็นก้อน คือเขาไม่ได้โดนฟันหัว สิ่งที่เราเจอคือคนนั้นนอนคว่ำหน้าอยู่ รู้สึกว่าเขาเด็กมาก ไม่น่าเลยยังเด็กอยู่ เราคุยกับเพื่อนว่าเขาเด็กมากเลย เพื่อนบอกว่าเขาไม่ได้เด็กแล้ว อายุ 40 ปีแล้ว แต่พอเขาพลิกศพมาอีกทีเพื่อจะยกขึ้นรถ คือกระดูกด้านหน้าย้ายไปอยู่อีกด้านหนึ่งมันเลยทำให้ผิวหน้ามีความตึงบวมนิดหนึ่ง เราก็เลยดูว่าเขาเด็ก แต่เราเห็นไกลๆ อยู่แล้ว เราเลยรู้สึกว่าเขาคงเจ็บเหมือนกัน แต่เขาคงคาที่
เหตุการณ์ที่ 2 เราเคยเจอคนผูกคอตายที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งมีคนแจ้งเหตุตอนตี 4 ให้มาเก็บศพคนผูกคอตายที่ป้ายรถเมล์ เราก็ออกไป เหมือนเขากำลังเก็บอยู่ เพราะเราไปช้ากว่าป่อเต็กตึ๊ง คนที่แจ้งมาเขาน่าสงสารมากเพราะเขากำลังจะออกไปทำงาน แล้วเขาก็เจอภาพนั้น เขาบอกว่ายืนอยู่ พอหันไปเขาก็เห็นคนลอยอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ก็กลายเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ผูกคอตาย นั่นคืออีกศพหนึ่ง แต่เหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกว่าอยากเลิกแว้นเลย
เป็นจุดเปลี่ยนเลยหรือเปล่าคะ
ใช่ เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกสงสารเขามาก คือพอเราไปถึงก็มีชายหญิงคู่หนึ่งที่เสียชีวิต ผู้หญิงกระเด็นไปทางด้านหลังของมอเตอร์ไซค์ ผู้ชายกระเด็นไปด้านหน้า แยกออกจากกัน เหมือนมอเตอร์ไซค์คันนี้แซงขวาออกมา แต่รถกระบะขับมาเลนปกติแล้วชน ทำให้กระเด็นออกจากกัน แล้วสภาพที่เราเห็นคือผู้ชายนอนเสียชีวิตอยู่ไกลๆ ส่วนผู้หญิงไม่ไกลเรามาก ผู้หญิงฉีกขาแล้วหัวไปลงที่หัวเข่าคล้ายๆ กับเล่นโยคะ เราคิดในใจว่าหนักว่ะ โหดมากเลย แล้วเพื่อนแว้นของสองคนนี้จะมาต่อยรถกระบะ พวกเราก็พยายามแยกกัน รถกระบะบอกว่าผมไม่รู้ ไม่ผิดเพราะขับมาตามเลนปกติ ขณะที่เขากำลังทะเลาะกันมีรถเบนซ์คนหนึ่งขับมาจอด แล้วเราคิดในใจว่าจะจอดทำไมตอนนี้เพราะเรากำลังเคลียร์ทางอยู่ ปรากฏว่ามีคุณผู้หญิงตีโป่งคนหนึ่งลงมาจากรถ แล้วมาอุ้มเด็กผู้หญิงคนนั้น แล้วก็บอกว่า แม่บอกแล้วว่าอย่าทำแบบนี้
เราเห็นแล้วรู้สึกว่าถ้าเรานอนตายอยู่ตรงนั้น แล้วแม่วิ่งเข้ามา แม่คงใจสลาย
เราไม่อยากทำให้แม่เสียใจ เลยรู้สึกว่าเราต้องเซฟตัวเอง เราเลยเลิกแว้น
จุดเปลี่ยนที่ทำให้รู้สึกว่าเราอาจจะไม่ใช่ผู้ชายแล้ว
ตอนที่ไปอเมริกาเราก็ไม่ได้คิดหรอกว่าเราเป็นตุ๊ด เรายังทำตัวสนุกสนานร่าเริงกับเพื่อนของเรา เราทำเป็น Housekeeping คือแค่เก็บห้องไม่ได้คุยกับใคร ประเด็นสำคัญคือมีผู้ชายคนหนึ่งมาหาเรา มาดื่มกับเรา เหมือนเขาเองเขาก็อยากเจอ ติดเรา รับส่งเรา จนมีวันหนึ่งที่เราทำตัวตลกเพราะเราเมามาก อยู่ดีๆ เราก็รายงานข่าวขึ้นมา เหมือนคุมตัวเองไม่ได้ เขาบอกว่าชอบเราแต่เราก็ไร้สาระของเราไป ถึงจุดหนึ่งที่เขาต้องย้ายงานไปทำอีกโรงแรมหนึ่ง เขามาบอกเรื่องนี้กับเราแล้วอยู่ดีๆ เขาก็หนีไปเลย พอเขาไปเรากลับรู้สึกคิดถึงเขามาก ทำไมคิดถึงเขาแปลกๆ หรือว่าเราเป็นเกย์เราเลยไปบอกเพื่อน
มันเหมือนจุดเปลี่ยนที่ไม่แรงขนาดนั้น
ใช่ ใจเราไม่ได้แค่คิดถึงแต่ขอใช้คำว่าถวิลหา อยากเจอเขาอีกจังเลย อยู่ๆ ก็เหม่อ จนกลับมาจากอเมริกาก็มาที่คณะ เราก็มาบอกเพื่อนคนหนึ่งว่าเราน่าจะเป็นเกย์ เพื่อนตกใจทำหน้าสั่นนิดหนึ่ง บอกว่าดีใจที่บอก อย่างน้อยก็ดีใจที่ได้รู้เป็นคนแรกๆ การเปิดตัวของเราเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัย เพื่อนทุกคนในกลุ่มจะมีผู้ชาย ผู้หญิง ตุ๊ดคละกันไป แล้วก็จะสนิทกับเพื่อนตุ๊ดคนหนึ่ง เขาเป็นเพื่อนตุ๊ดที่น่ารักมาก เราจะรู้สึกสนิทกับเขามาก จนรู้สึกว่าอยากจีบมันมากในสมัยนั้น แต่จริงๆ แล้วเปล่า เราอยากได้เป็นเพื่อนสาวมากกว่า เอาจริงๆ พอมองทุกอย่างแล้วเราแค่อยากมีเพื่อนสวยแค่นั้นเอง จากนั้นมีการปฐมนิเทศเด็กปี 1 เรานั่งอยู่ที่เก้าอี้มีเพลงขึ้นมา เพื่อนกะเทยเริ่มเดินแบบให้น้องดู แล้วมีคนมาฉุดมือเราแล้วบอกว่าให้เดินเลย เพื่อนทุกคนงงว่าทำไมต้องเดินเพราะเราไม่ใช่ตุ๊ด แต่เราไม่รอช้าหยิบใบไม้ใหญ่ๆ 2 อันทาบที่หลังแล้วเดินเป็น Victoria’s Secret ให้เพื่อนดู เพื่อนเงียบไปแป๊บหนึ่งแล้วถามว่าทำไมแรง เพื่อนคิดว่าเราจะเดินเฉยๆ แต่เรามีพร็อพด้วย
แล้ว Come Out กับครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง
ครอบครัวน่าจะรู้ช่วงหลังแล้ว แม่เริ่มจับได้เพราะว่าเรามีแฟน เราพาแฟนไปบ้าน ซึ่งก็ต้องไปนอนที่บ้านทุกอาทิตย์ เราจะนอนบ้านแฟนทุกอาทิตย์ แฟนก็มานอนบ้านเราทุกอาทิตย์ ตลอด 3 ปีที่คบกัน จนสุดท้ายแล้วเราเลิกกับเขาแล้วเสียใจมากเพราะคบกันมานาน ร้องไห้ ไม่กินข้าวจนวันหนึ่งไปนอนกับแม่ แม่ถามว่าเป็นอะไรเพื่อนไม่คุยด้วยหรือ เราก็ร้องไห้เลย แม่บอกว่าไม่เป็นไร ยังมีพ่อมีแม่ สมัยก่อนแม่ก็เป็น สมัยที่เลิกกับแฟนเก่าก่อนจะมาเจอพ่อ แค่ได้กลิ่นดิน กลิ่นรถบรรทุกแม่ก็ร้องไห้แล้ว แต่ก่อนแม่เคยขับรถบรรทุก แม่เหมือนรับไม่ได้แต่ก็ต้องรับแล้ว แต่หลังจากนั้นแม่ก็จะพูดว่าให้มีเมียพอกรุบ แต่สุดท้ายก็ยอมรับได้ในที่สุดในตอนที่แม่เป็นมะเร็งแล้ว แม่ดีใจมากกว่าที่ลูกเป็นแบบนี้ เพราะถ้าเกิดลูกไม่เป็นตุ๊ด แม่จะไม่รู้เลยว่าจะมีใครมาดูแล ถ้าเป็นผู้ชายคงติดเมีย ผู้หญิงคงมีครอบครัวที่ต้องดูแล มีเราคนเดียวที่ดูแลแม่ได้ แม่คงรู้สึกดีเหมือนกันที่ลูกเป็นแบบนี้ เราบอกแม่ว่าไม่ต้องกลัวเพราะเราก็ไม่มีใครนอกจากแม่เหมือนกัน
ทุกวันนี้เพศสภาพของเราส่งเสริมงานที่ทำอย่างไรบ้าง
เนื่องด้วยอะไรไม่รู้ เรารู้สึกว่าการเป็นเทยมีความกดดันจากสังคมสูง ต้องต่อสู้สูง ติช่าว่าเป็นไฟเตอร์แล้วเทยทุกคนเป็นไฟเตอร์กว่า เพราะว่าต้องโดนด่า กดดัน ล้อ เทยต้องสู้ผู้ชายไง เพราะเทยเองถ้าเกิดต่อยผู้ชายก็ต่อยเทย เพราะเทยก็คือผู้ชายเพราะมันไม่ได้เห็นเราเป็นเทยตัวเล็กๆ แต่เอาจริงๆ เทยมีพลังมากกว่าผู้ชายมาก เพราะเทยต้องทำได้ทั้ง 2 อย่าง ยิ่งเป็นเทยในวงการแฟชั่น แต่โชคดีที่เราไม่ค่อยสุงสิงกับคน ไม่ได้เป็นคนนิสัยไม่ดีนะ แต่ขี้อายที่จะต้องไปพบผู้คนใหม่ๆ เราจะเป็นคนที่สังเกตคนก่อนว่าใครเป็นอย่างไร แล้วเราค่อยเข้าไปหาบางคนที่เรารู้สึกว่าเราเข้ากับคนนี้ได้ เราก็จะรู้สึกค่อยๆ ซึมไปดีกว่า เพราะถ้าเราเข้าไปตรงๆ ด้วยความที่เราเป็นคนไม่ได้ดีมาก คำพูดคำจาก็ไม่ได้สุขุมเรียบร้อยมาก เราก็กลัวว่าจะมีความบ้าบอคอแตกออกไป เราต้องเซฟตัว ซึ่งพอไปอยู่ในวงการแฟชั่น เราเองอยู่ดีๆ มันจะมีความชอบความสวยงามอยู่แล้ว ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เด็ก เสื้อผ้าเราตั้งแต่สมัยวัยรุ่นเราจะใส่สีน้ำเงินสีดำ คุมโทนตลอดไม่เคยมีสีที่หลุดออกมา กางเกง JJ Club แต่ก่อนก็จะเลือกดอกขาว กางเกงน้ำเงิน หรือสีดำตัดด้วยขอบขาวไป เราจะมีความเลือกเสื้อผ้าตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว คือเทรนด์แฟชั่นสมัยเด็กก็ไม่เคยพลาด เสื้อโปโลลายทางเราใส่ กางเกงยีนส์พับขาเราต้องใส่ เหมือนมีมาตลอดแต่แค่เราคุมโทน จนมาถึงตอนนี้เรารู้สึกว่า เราอาจจะมีเซนส์ที่เราว่าสไตล์ลิสต์ส่วนใหญ่มันต้องมีเซนส์ของตัวเองอยู่แล้ว มันไม่มีอะไรถูกหรือผิด มีแค่คำว่ารู้สึกชอบหรือไม่ชอบเท่านั้นเอง
แล้วในทางกลับกันประสบการณ์ความเป็นชายมันส่งเสริมงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไหม
เรารู้สึกว่าเวลาออกไปข้างนอกหรือเวลาพบคนครั้งแรก เราจะไม่มีความสาวเลย เราจะเงียบ นิ่ง เราจะไม่เปิดเผยความเป็นตุ๊ดแรงๆ ต่อหน้าคนอื่นถ้าไม่สนิท แต่จริงๆ แล้วไม่เลย พอเรารู้จักกันสักพักก็อื้อหือ คิ้วโก่งมากเลย ทุกอย่างมันคงเป็นเกราะป้องกันมั้ง มันจะทำให้เรารู้ตัวเองว่าควรโพสิชันอย่างไร การเดินท่าผู้ชายมากๆ การวางตัว การทำทุกอย่างมันดูเป็นผู้ชายเอง นอกจากสนุกหรือสนิทกันมันก็จะมีท่าออกมา เราได้หมด แอ็กติ้งเราที่หนึ่งอยู่แล้ว
ถ้าเปลี่ยนได้กับผู้ชายหรือผู้หญิงสักอย่างอยากเปลี่ยนไหม
จริงๆ แล้วก็ไม่อยากเปลี่ยนนะ เป็นอย่างนี้สนุกเต็มที่แล้ว แต่ถ้าอยากให้เปลี่ยนจริงๆ ก็อยากเปลี่ยนเป็นผู้หญิง ซึ่งผู้หญิงคนนั้นคือแม่ ไม่ต้องแม่เราก็ได้ เป็นแม่คนน่ะ เราอยากจะรู้ว่าความเป็นแม่คนมันเป็นอย่างไร ซึ่งตอนนี้อยากมีลูกมาก เรามีความรู้สึกว่าถ้าเกิดให้ท้องเราอยากท้อง เราอยากรู้ความรู้สึกความเป็นแม่ เราเคยพูดกับแม่ว่าจริงๆ เรารักแม่ไม่เท่ากับแม่รักเราหรอก คืออย่างไรก็ตามเราไม่สามารถทัชความรู้สึกความเป็นแม่ว่าฉันคลอดเธอออกมา แต่เรารักแม่มากนะ แค่เราไม่รู้ว่าแม่รักเราคือขนาดไหน
Credits
The Host นันท์ณภัส ธิปธรารัตนศิริ
Show Creator อธิษฐาน กาญจนะพงศ์
Episode Producer อธิษฐาน กาญจนะพงศ์
Episode Editor นทธัญ แสงไชย
Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ
Coordinator & Admin อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค
Art Director กริณ ลีราภิรมย์
Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล
Proofreader ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
Music Westonemusic.com
- น็อตพอช (Posh) หมายถึงน็อตยี่ห้อหนึ่งที่ใช้ตกแต่งมอเตอร์ไซค์เพื่อความสวยงาม
- ซี่ลวดสำหรับชาวแว้นที่ตกแต่งมอเตอร์ไซค์จะมีการปรับเปลี่ยนให้ขนาดต่างไปจากเดิม เช่น รหัส 10×175 หมายถึงลวดเบอร์ 10 มีความยาว 175 มิลลิเมตร ซึ่งตัวเลขเบอร์ยิ่งน้อย ซี่ลวดยิ่งมีขนาดใหญ่ไปด้วย
- เปลือยกรอง คือชิ้นส่วนกรองอากาศ หรือ Air Filters ซึ่งนิยมเปลี่ยนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น