The Secret Sauce เอพิโสดนี้จะทำให้ความรู้เกี่ยวกับบล็อกเชนและคริปโตฯ ของคุณเปลี่ยนไป
คุณอาจเคยอ่านเรื่องบล็อกเชนมาแล้วหลายครั้ง ศึกษาเรื่องคริปโตฯ มาแล้วพอสมควร แต่แน่ใจแล้วหรือว่าคุณเข้าใจมันจริงๆ
นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าเราไม่รู้ความหมายที่แท้จริง ไม่รู้ว่ามันกระทบกับเราอย่างไร และปรับตัวตามไม่ทัน เราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน
เคน นครินทร์ คุยกับ ท็อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้เชี่ยวชาญด้านบิตคอยน์และบล็อกเชนมากที่สุดคนหนึ่งในประเทศไทย
ผมเชื่อว่าหลายคนได้ยินคำว่าบล็อกเชนบ่อย อธิบายให้ฟังหน่อยว่าจริงๆ มันคืออะไร และส่งผลกระทบอย่างไรต่อวงการการเงินโลกบ้าง
บล็อกเชนมันเป็น Protocol หรือให้มองว่าเป็นเลเยอร์ที่สองของอินเทอร์เน็ตที่มันเพิ่งมา หรือเรียกว่าเป็นเจเนอเรชันที่ 2 ของอินเทอร์เน็ตก็ได้ อินเตอร์เน็ตเจเนอเรชันแรกเราจะเรียกว่า TCP/IP เป็น Protocol อีกชนิดหนึ่ง
Protocol คืออะไร ถ้าใครไม่ได้เรียน Computer Science มาให้มองว่าเป็นภาษากลาง ให้คนบนอินเทอร์เน็ตที่ต่างคนต่างจ้องที่จะโกงกัน ไม่เชื่อใจกัน สามารถเข้ามาสื่อสารในภาษาเดียวกันเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาหนึ่งบนโลกอินเทอร์เน็ต อย่าง Protocol ดังๆ ที่ทั่วโลกรู้จักกันคือ HTTP ถ้าใครเข้าไปเห็นเบราว์เซอร์ข้างบนก็คือเป็นภาษาหนึ่งที่ให้เราเข้าถึงข้อมูลได้ อีก Protocol หนึ่งคือ SMTP ให้คนส่งอีเมลทั่วโลกในภาษาเดียวกัน หรือถ้าใครรูดบัตรเครดิตออนไลน์จะเป็นกุญแจสีเขียว Security Protocol ที่เรียกว่า SSL
ซึ่ง TCP/IP เป็น Protocol ในช่วง 20 ปีแรกหรือระยะแรกของอินเทอร์เน็ตที่ทำให้เราแลกเปลี่ยนทุกอย่างที่เป็นข้อมูลโดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหรือมีตัวกลาง เมื่อก่อนเราต้องพึ่งพาตัวกลาง เช่น บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เวลาสื่อสารกัน โทรเลขในการสื่อสารกัน ไปรษณีย์ แต่พอมี TCP/IP ปุ๊บ มันเกิดแอปฯ ที่เรียกว่า Facebook, LINE, Skype ทำให้คนโทรไปต่างประเทศฟรี ทุกวันนี้ที่เราส่ง LINE สวัสดีตอนเช้าหากันได้เพราะ TCP/IP มันวิ่งอยู่ข้างหลังบ้าน ทำให้เราแลกเปลี่ยนข้อมูลกันฟรี
อินเทอร์เน็ตหรือ TCP/IP มันมา Democratized ข้อมูล แต่มันไม่สามารถ Democratized มูลค่าได้ใน 20 ปีที่ผ่านมา เพราะมันมีขีดจำกัดในความสามารถของตัว TCP/IP ซึ่งมันทำให้เราสื่อสารกันฟรี โทรไปต่างประเทศกันฟรี มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็จริงในการแลกเปลี่ยนข้อมูล แต่มันทำด้วยวิธีการเดียวคือวิธีการเพิ่มสำเนา
ถ้าสมมติผมบอกให้คุณส่งอีเมลไฟล์รูปภาพที่อยู่บนเครื่องคุณมาให้ผมหน่อย อีเมลไฟล์ PDF ที่อยู่บนเครื่องมาให้ผมหน่อย พอผมได้รับปุ๊บ คุณยังมีสำเนาอันเดิมอยู่ในเครื่องถูกไหมครับ มันเป็นการสื่อสารโดยการเพิ่มสำเนามาอีกอันหนึ่ง ถึงแม้ว่าคนที่คุณส่งไปก็ได้รับ ซึ่งถ้าสมมติเราพูดถึงข้อมูล มันมีสำเนาเยอะยิ่งดี เพราะมันคือการ Maximize Communication จะมีอีกกี่พันล้านสำเนา เศรษฐกิจมันอยู่รอด แต่ถ้าลองนึกภาพว่ามันเป็นแบงก์พันขึ้นมาล่ะ สมมติเรา Digitize แบงก์พันในรูปแบบของ PDF หรือไฟล์รูปภาพ แล้วพอผมอีเมลให้คุณ แล้วผมยังมีแบงก์พันอันเดิมอยู่ในเครื่อง อย่างแรกที่ผมทำคือไปลาออกจากงาน อย่างที่สองคือจะนั่งส่งแบงก์พันอันนี้ให้กับทุกคนที่ผมรู้จักภายใน 1 วัน เมืองไทยจะกลายเป็นเวเนซุเอลาได้ในทันที มันไม่เวิร์ก เพราะฉะนั้น 20 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีมันเข้ามาแค่ Disrupt วงการการสื่อสารหรือสิ่งพิมพ์ 20 ปีที่ผ่านมาเราเพิ่งมีสิ่งที่เรียกว่า Information Web
ตอนนี้เรากำลังจะอยู่ในยุคที่เรียกว่า Financial Web แปลว่าเราสามารถที่จะอัปโหลดมูลค่าทุกชนิดเข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์ แล้วในเมื่อมูลค่าอยู่ในรูปดิจิทัลแล้ว Velocity มันจะหมุนเร็วมาก มีประสิทธิภาพ พูดภาษาเดียวกัน ทำงาน 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องผ่านตัวกลาง ไม่มี Debit Loss ให้กับใคร
ส่วนธนาคารยังอยู่ได้ เพราะไม่มีเทคโนโลยีมา Disrupt แต่ตอนนี้อินเทอร์เน็ตเจเนอเรชันที่ 2 มันจะมาอิมแพ็กต่อวงการธนาคารแล้ว Market Capitalization จะค่อยๆ เล็กลงหลังจากนี้ เพราะจะมี Digital Player มาแทน จะเป็น Google of Tomorrow หรือ Facebook of Tomorrow ที่เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนมูลค่า ไม่ใช่ข้อมูล แต่มีประสิทธิภาพมากกว่า ทำงานได้ 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องผ่านตัวกลาง พูดภาษาเดียวกัน
Cryptocurrency จะอิมแพ็กกับชีวิตจริงหรือ อยากให้ช่วยให้คำแนะนำกับทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ
ทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ เขาได้ใช้ Cryptocurrency แน่นอน มันจะมีสิ่งที่เรียกว่า Humanization ก็คือเหมือนในอนาคตคนที่ไม่เชื่อเรื่อง Cryptocurrency แต่ถ้าเขาเล่น Facebook เขาส่งสติกเกอร์หากัน มูลค่าก็ไปแล้ว โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเขาใช้บล็อกเชนอยู่ว่าเขาใช้ Cryptocurrency เป็นสิ่งที่ Settlement หลังบ้านอยู่ ซึ่งมันไม่ต่างอะไรกับคนทุกวันนี้เลยที่อาจจะไม่เชื่อใน TCP/IP หรืออินเทอร์เน็ต เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาใช้ TCP/IP ในการสื่อสารกันอยู่
เงินสดจะหายไปจากโลกไหม
นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมฟันธงได้เลยว่า Cashless แน่นอน ซึ่งลองสังเกตทุกๆ วงการ เราจะย้ายจาก Physical ไปเป็น Digital แต่ Digital จะมีประสิทธิภาพมากกว่า Physical ยกตัวอย่างเช่น วงการเพลงเราเริ่มจากเทป เทปมาเป็นซีดี ซีดีมาเป็น MP3 จาก MP3 มาเป็น YouTube ฟังเพลงผ่าน YouTube 1,000 เพลง มันมีประสิทธิภาพกว่าถือเทป 1,000 ตลับ มันฟังเพลงได้เหมือนกัน แต่มันจับต้องไม่ได้แล้ว
วงการเงินสดหรือการเงินก็เหมือนกัน จาก Physical เปลือกหอย หินสีเหลือง Bretton Woods Post-Bretton Woods Digital Currency มันวิวัฒนาการ แต่มันมีประสิทธิภาพกว่า ซึ่งถ้าลองดูที่สวีเดน ตอนนี้ทั้งประเทศเขาไม่ใช้เงินสดแล้ว ความจริงแบงก์ชาติเขาประกาศเลยว่าเลิกพิมพ์พันธบัตรตั้งแต่ปีที่แล้ว เขาหยุดพิมพ์พันธบัตรแล้ว หรือแม้แต่สาขาแบงก์ที่สวีเดน เขามีป้ายติดเลยว่าไม่รับเงินสด โดยเฉพาะจีนที่เร็วมาก หลังจากแค่ปี 2014 เอง ตอนนี้ Alipay WeChat ทั้งประเทศเป็นดิจิทัลหมดแล้ว
ใครจะไปคิดว่าเงินสด แบงก์ เหรียญที่เราถืออยู่ มันจะมีมูลค่าเหมือนกับตลับเทป เหมือนกับกล้องฟิล์ม เหมือนกับที่แผ่นเสียงจะกลายเป็นแค่คำว่าประวัติศาสตร์ไป ตัวเงินมันควรจะไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ในอนาคต
คาดการณ์ได้ไหมครับว่ามันจะเกิดขึ้นกี่ปีต่อจากนี้
ภายใน 5-10 ปีเราจะเห็นอิมแพ็กอย่างมหาศาล เพราะเราอยู่ในยุคที่เรียกว่า Fintech Revolution ถามว่าทำไม 5-10 ปี เพราะว่าเทคโนโลยีมันสร้างบนเทคโนโลยี เคยเห็นกราฟการพัฒนาของเทคโนโลยีใช่ไหมครับ ที่เป็น Exponential ซึ่งถ้าลองดูย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว โลกของเรายังไม่มี LINE เลยนะครับ LINE เกิดมาน้อยกว่า 10 ปีที่คนใช้กันครึ่งประเทศ 40 กว่าล้านคน 10 ปีที่แล้วเรายังไม่มี iPad, Instagram, Uber, Airbnb, Bitcoin, Blockchain มันเกิดขึ้นมาน้อยกว่า 10 ปีทั้งหมดเลย มันเป็นสิ่งที่คนใช้ทั้งโลกแล้ว แล้วอีก 10 ปีข้างหน้าล่ะครับ มันจะเป็นส่วนผสมของ AI, Blockchain, IoT, 5G เข้ามาทำให้มันเร็วมากๆ มันมีกราฟอันหนึ่งที่น่าสนใจมาก เขาบอกว่า Ford ใช้เวลาประมาณร้อยกว่าปีกว่าจะทำเงินได้พันล้าน แต่แป๊บเดียว Tesla ทำได้แล้ว ยุคนี้มันสั้นมากเลย เพราะฉะนั้นผมมองว่าอีก 5-10 ปี เทคโนโลยีจะเร็วมาก และยิ่งเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในวงการการเงินเลย
สามารถฟังพอดแคสต์ The Secret Sauce
ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่คุณสะดวกหรือใช้อยู่แล้วได้เลย
Credits
The Host นครินทร์ วนกิจไพบลูย์
The Guest จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา
Show Creator นครินทร์ วนกิจไพบูลย์
Show Producers เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์, ปวริศา ตั้งตุลานนท์
Episode Editor เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์
Sound Designer & Engineer กฤตพล จียะเกียรติ
Marketing & Coordinator อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค
Art Director อนงค์นาฏ วิวัฒนานนท์
Proofreader ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
Webmaster จินตนา ประชุมพันธ์