งานวิจัยของ Harvard Business Review กล่าวไว้ว่า ความสำเร็จของธุรกิจทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ ไม่ได้มาจากเรื่องดิจิทัลหรือเทคโนโลยีเป็นหลัก แต่มาจากโมเดลธุรกิจที่ถูกต้องต่างหาก
รวิศ หาญอุตสาหะ เล่าถึง Business Model Canvas และเคสตัวอย่างการนำไปปรับใช้ ในรายการ Super Productive
Business Model Canvas
เครื่องมือยอดฮิตสำหรับคนที่อยากวางแผนโมเดลธุรกิจของตัวเอง วิธีทำง่ายๆ แค่เขียนคำตอบของ 9 หัวข้อลงไปบนผ้าใบแคนวาส ผู้เขียนจะได้เห็นสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาเป็นรูปภาพ ช่วยให้เข้าใจง่าย จดจำได้ ทุกข้อเชื่อมโยงกันหมด และนำไปอธิบายต่อได้สะดวก โดยมีหัวข้อทั้ง 9 ดังนี้
1. ลูกค้าคือใคร (Customer Segments)
ตอบคำถามให้ได้ว่า ‘ลูกค้า’ ของธุรกิจเราคือใคร และคนกลุ่มนี้มีความต้องการอะไรทั้งในปัจจุบันและอนาคต สามารถแบ่งประเภทได้ ดังนี้
- Mass Market คนกลุ่มใหญ่ที่เป็นผู้บริโภคทั่วไป
- Niche Market แบ่งลูกค้าเฉพาะกลุ่ม
- Segmented แบ่งลูกค้าตามพื้นที่
2. คุณจะเสนออะไรให้กับกลุ่มลูกค้า (Value Proposition)
- Quantitative Value คุณค่าที่สามารถจับต้องได้ เช่น ราคา ประสิทธิภาพ
- Qualitative Value คุณค่าที่ไม่สามารถจับต้องได้ เช่น ประสบการณ์ของลูกค้า
3. ช่องทางเข้าถึงลูกค้า (Channels)
ลองคิดดูว่าสินค้าของคุณเหมาะสำหรับช่องทางแบบไหน อยากขายแบบมีหน้าร้านหรือบนเว็บไซต์ หรือคิดต่อยอดว่ายังมีช่องทางอื่นๆ อีกไหมที่สามารถพาสินค้าไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้
4. วิธีบริหารความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและลูกค้าเป็นอย่างไร (Customer Relationships)
ธุรกิจสามารถบริหารความสัมพันธ์ได้หลายวิธี เช่น สำหรับธุรกิจที่เป็น Business to Business อาจต้องดูแลตัวต่อตัว มีพนักงานขายเข้าไปดูแลลูกค้าอย่างดี หรือสำหรับธุรกิจรูปแบบอื่น อาจลองแบบ Self-service, Automated services หรือ Co-creation เป็นต้น
5. คุณต้องการขายของแบบไหน (Revenue Streams)
- Asset Sale เช่น สร้างบ้านขึ้นมาเพื่อขายให้ลูกค้าเป็นเจ้าของเต็มตัว
- Usage free ลูกค้าต้องการใช้เท่าไร ขายไปเท่านั้น
- Subscription fees ลูกค้าจะใช้สินค้าและบริการเท่าไรก็ได้ แต่ต้องจ่ายเงินเป็นประจำทุกเดือนตามกำหนด
- Lending / renting / leasing เช่าหรือเช่าซื้อ
- Licensing เจ้าของผลงานได้ค่าลิขสิทธิ์จากการนำผลงานไปใช้ในสินค้าและบริการ
- Brokerage fee ได้รับผลตอบแทนเป็นค่านายหน้า
- Advertising การจ้างทำโฆษณาในรูปแบบต่างๆ
6. ต้นทุนที่ต้องใช้มีอะไรบ้าง (Key Resources)
ต้นทุนส่วนใหญ่ ได้แก่ ทรัพยากรมนุษย์ เงิน และความรู้
7. กิจกรรมขององค์กรคืออะไร (Key Activities)
เป็นกิจกรรมที่ธุรกิจต้องทำเพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า
8. พาร์ตเนอร์แบบไหนที่ต้องการ (Key Partners)
ทุกธุรกิจไม่สามารถทำงานให้สำเร็จเพียงลำพัง ลองคิดโดยรอบดูว่า มีธุรกิจอะไรอีกบ้างที่ต้องเกี่ยวข้องกับคุณ เช่น ผลิตสินค้าต้องหาซัพพลายเออร์ ขายของออนไลน์ต้องมีบริษัทโลจิสติกส์
9. ต้นทุนมาจากอะไร (Cost Structure)
คุณต้องรู้ก่อนว่าโครงสร้างต้นทุนของคุณเป็นอย่างไร มีอะไรบ้างที่ต้องจ่ายประจำ มีอะไรบ้างที่เป็นรายจ่ายที่ต้องมาคำนวณความคุ้มค่าอีกครั้ง ขอแนะนำว่าถ้าธุรกิจยังไม่ใหญ่มาก อยากให้เริ่มทำเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงแรก เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายแพงทีหลัง
สามารถฟังพอดแคสต์ SUPER PRODUCTIVE
ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่คุณสะดวกหรือใช้อยู่แล้วได้เลย
Credits
The Host รวิศ หาญอุตสาหะ
Show Creator รวิศ หาญอุตสาหะ
Show Producers เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์, ปวริศา ตั้งตุลานนท์
Episode Editor เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์
Sound Designer & Engineer กฤตพล จียะเกียรติ
Coordinator & Admin อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค
Art Director อนงค์นาฏ วิวัฒนานนท์
Proofreader ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
Webmaster จินตนา ประชุมพันธ์